ทำเนียบรัฐบาล 17 มี.ค.-เลขาฯ สมช. ยืนยันยังต้องสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ ประชุมศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้เตรียมพิจารณามาตรการเล่นน้ำสงกรานต์ ปรับพื้นที่ใหม่
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค.กล่าวว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้(18 มี.ค.) เตรียมพิจารณาปรับพื้นที่ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ในบางพื้นที่ แม้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอยู่ แต่เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว มีตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัวและลดลง ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อและรักษาหายป่วยมีจำนวนใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องปรับลดบางพื้นที่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
“ที่ประชุมเตรียมพิจารณามาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำข้อมูลเสนอไว้แล้วสามารถจัดงานเทศกาลสงกรานต์ได้ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้ เช่น รดน้ำ สงน้ำพระ ร่วมกิจกรรมที่วัดได้ โดยใช้กลไกลปกครองดูแลควบคุม และเตรียมพิจารณาแผนและกรอบการปรับโรคโควิด 19 ไปสู่โรคติดต่อทั่วไป เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการต่อไป” เลขาธิการ สมช. กล่าว
ส่วนเรื่องผ่อนคลายให้เปิด ผบ บาร์ คาราโอเกะ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ศบค.พยายามจะช่วยผู้ประกอบการด้านนี้ แต่เนื่องจากยังมีปัจจัยความเสี่ยงสูง เพราะเป็นสถานที่ปิด แพร่เชื้อได้สูง จึงต้องดูอย่างรอบคอบ ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโอไมครอนกระจายเร็วแต่ไม่มีความรุนแรง ซึ่งต้องให้ความสำคัญเพราะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ยังมีอัตราเสียชีวิตสูง การควบคุมพื้นที่สำคัญหรือบางกิจกรรมเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงกิจการที่เสี่ยงมาก ๆ ถ้าตัดสินใจเปิด ลงทุนสูง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
“ยืนยันว่าการผ่อนคลายมาตรการของรัฐ จะไม่สวนทางกับตัวเลขติดเชื้อที่สูงขึ้นทุกวัน เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ ศบค.มีความจำเป็นที่ต้องผ่อนคลายให้เศรษฐกิจเดินหน้า ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ จึงต้องทำภายใต้มาตรการต่าง ๆ ลดความรุนแรงของโรค และฉีดวัคซีนป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และบูสเข็มต่อไปตามระยะเวลา 3-6 เดือน ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกระกายวัคซีนไปทั่วประเทศแล้ว” เลขาธิการ สมช. กล่าว
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าที่ประชุม ศบค.เตรียมจะปรับมาตรการการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางเข้าประเทศ ใหม่ทั้งหมด เช่นการตรวจ RT-PCR 1 ครั้งให้เป็น ATK ขณะที่วันที่ 5 หลังเดินทางเข้าประเทศไทย จะทำเป็นข้อแนะนำในแอปพลิเคชันตรวจเชื้อ เป็นต้น โดยจะปรับให้มีความสะดวกมาขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ ภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ยอมรับได้
“ส่วนการใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ ยังจำเป็นต้องสวมใส่ไว้ เพราะหน้ากากอนามัยเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ ดังนั้น ข่าวที่ออกมาเป็นแผนการในอนาคตว่าไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ จะต้องประเมิน 3 เดือน 6 เดือนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจัดคอนเสิร์ตในห้องแอร์ ขึ้นอยู่กับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัดที่มีมาตรการไว้ก่อนหน้านี้ ยกเว้นสถานการณ์บางในพื้นที่ ยืนยันการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินป้องกันโรคยังเป็นเครื่องมือสำคัญในเวลานี้ เมื่อใดหมดความจำเป็น พร้อมเสนอพิจารณายกเลิกทันที และเมื่อประกาศเป็นโรคประจำถิ่นก็ต้องกลับไปใช้กฎหมายปกติ” เลขาธิการ สมช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย