กรุงเทพฯ 4 ก.พ.- ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แจงแล้วกรณีห้ามนำหน้ากากอนามัยติดตัวไปต่างประเทศเกิน 30 ชิ้น มีโทษทางกฎหมาย ระบุเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันจะไม่มีการตรวจค้นผู้โดยสารในเรื่องดังกล่าว
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงข่าวที่มีการเผยแพร่ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุห้ามมิให้บุคคลใดส่งหน้ากากอนามัยออกไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการ แต่มิให้ใช้บังคับแก่กรณีนำติดตัวไปใช้นอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 30 ชิ้นต่อครั้ง หรือในกรณีมีใบรับรองแพทย์แสดงเหตุผลความจำเป็นให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้นต่อครั้ง หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเพจดังกล่าว นำข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือให้มีการประชาสัมพันธ์ข้อความนี้มายังบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยเอกสารดังกล่าวมาถึง ทอท. เมื่อเดือนมกราคม 2565 เมื่อเพจมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลนี้ออกไป อาจทำให้เกิดความสับสน เบื้องต้นได้สั่งการให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ลบข้อมูลนี้จากเพจไปแล้ว
ท่าอากาศยานสุวรรณภุมิ ขอยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจค้นบังคับใช้กฎตามประกาศดังกล่าวแน่นอน เพราะเข้าใจดีว่าการพกพาหน้ากากอนามัยจำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ใช้ จะไปกำหนดในลักษณะ 30 ชิ้น หรือ 50 ชิ้น ไม่ได้ และสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยในประเทศแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย