กรุงเทพฯ 5 ม.ค. – นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติระบุ ราคาเนื้อหมูจะยังคงสูงขึ้นอีกในช่วงตรุษจีน หากภาครัฐยังไม่สามารถควบคุมโรคระบาดที่ทำให้สุกรตายและถูกทำลายเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่พุ่งสูงเป็นผลให้ต้นทุนการเลี้ยงเพิ่ม เกษตรกรรายย่อยและรายเล็กจึงหยุดเลี้ยง
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติกล่าวว่า ราคาเนื้อสุกรจะยังคงสูงขึ้นอีกในช่วงตรุษจีนนี้เนื่องจากปริมาณสุกรในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค โดยมองว่า ภาครัฐยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่ทำให้สุกรตายและถูกทำลายเป็นจำนวนมากตามมาตรการควบคุมโรค ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติมา 21 ปีแล้ว ไม่เคยเกิดโรคระบาดรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ทำให้สุกรในฟาร์มของทั้งผู้เลี้ยงรายย่อย รายเล็ก และรายกลางตายหมด ดังนั้นจึงต้องเร่งพัฒนาวัคซีนขึ้นด่วนที่สุด โดยโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า แนะนำผู้เลี้ยงรายย่อยและรายเล็กที่หยุดเลี้ยงไป ยังไม่ควรลงหมูใหม่เพราะเสี่ยงเสียหายจากโรคระบาดซ้ำอีก ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนออกมา แม้แต่รายกลางและรายใหญ่ที่ระบบการเลี้ยงเป็นไปตามมาตรฐานยังเสียหายเพราะสุกรตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รัฐต้องแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพงด้วยเพราะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูง
ส่วนแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อตรึงราคาเนื้อสุกรนั้น รัฐอาจนำเข้าจากต่างประเทศได้ชั่วคราว แต่ต้องให้ผู้แทนเกษตรกรหรือสมาคมฯ มีส่วนร่วมในกำหนดจำนวนสุกรและระยะเวลาที่จะนำเข้าเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้เลี้ยง โดยควรมอบให้สมาคมฯ เกษตรกรดำเนินการเพื่อจะได้เก็บค่าธรรมเนียมและป้องกันไม่ให้ระบบการผลิตในประเทศเสียหายได้
ทั้งนี้หากแก้ปัญหาโรคระบาดและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ ราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้นจะปรับลดลง แต่วงรอบการเลี้ยงสุกรใช้ระยะเวลานาน กว่าที่ราคาจะปรับลดลงเป็นปกติ อาจใช้เวลา 1-2 ปี.-สำนักข่าวไทย