กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – ลูกชายบิ๊กตำรวจที่ถูกกล่าวหาล่อลวงเยาวชนหญิงวัย 17 ปี เข้าโรงแรมม่านรูด มอบตัวสู้คดีแล้ว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แต่หลบหน้าผู้สื่อข่าว
ความคืบหน้ากรณีลูกชายนายตำรวจใหญ่ถูกกล่าวหาล่อลวงเยาวชนหญิงวัย 17 ปี ไปกระทำอนาจารในโรงแรมม่านรูด ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา “นายเอ” (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ลูกชายนายตำรวจคนดังกล่าว เดินทางเข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน แล้ว โดย “นายเอ” ได้หลบสื่อมวลชนที่นั่งรอด้านหน้า ก่อนขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน และถูกสอบปากคำเบื้องต้นเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น “นายเอ” เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พูดคุยโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ก่อนขึ้นรถยนต์ BMW สีดำ ที่มาจอดรอรับ ขับออกจาก สน. โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อฯ แต่อย่างใด
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา นักเรียนหญิงอายุ 17 ปี พร้อมบิดา ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจยศร้อยตำรวจตรี สังกัดตำรวจนครบาล เดินทางเข้าแจ้งความว่า ถูกชายคนดังกล่าวหลอกพาไปข่มขืน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เธอเริ่มรู้จักผู้ต้องหาจากการแชทในโลกออนไลน์ และเคยนัดไปกินข้าวกัน 1 ครั้ง แต่ฝ่ายหญิงไม่ชอบ จึงเลิกติดต่อกันไป หลังจากนั้นเธอได้โพสต์ว่า อยากถ่ายรูปสวยๆ ทำให้ “นายเอ” สบโอกาสติดต่อกลับมาอีก โดยอ้างว่ามีกล้องและเลนส์แบบมืออาชีพ จะพาไปถ่ายรูป ทำให้เธอหลงเชื่อ ก่อนถูกพาเข้าโรงแรมม่านรูด
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม พบภาพรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีดำ ของผู้ต้องหา ตามคำให้การของผู้เสียหาย กำลังขับมุ่งหน้าเข้าไปในม่านรูด ซึ่งเป็นคลิปช่วงก่อนหน้าจะเข้าโรงแรมที่เพจ Facebook “บิ๊กเกรียน” นำมาเผยแพร่
ทั้งนี้ ช่วงเวลา 16.00 น. ของวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ผู้ต้องหาได้ออกอุบายไปรับผู้เสียหายจากหน้าโรงเรียน อ้างว่าจะพาไปถ่ายรูป แต่กลับเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ย่าน ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี จากนั้นได้ลงมือข่มขืน และให้เงินค่าปิดปาก 500 บาท ก่อนจะพากลับมาส่งที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ขณะที่เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระดมชุดสืบสวนฯ ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยยอมรับว่า มีชายลึกลับโทรศัพท์หาบิดาผู้เสียหาย แต่บิดาผู้เสียหายไม่ได้พูดคุยด้วย เนื่องจากไม่ทราบว่าปลายสายเป็นใคร ส่วนทางคดี ขณะนี้ทีมสหวิชาชีพอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมยืนยันว่า คดีดังกล่าวไม่ว่าเป็นลูกใครก็ถูกจับ
ด้าน พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เปิดเผยว่า เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานพรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร และข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นลูกใครก็ตาม
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่โรงแรมม่านรูดจุดเกิดเหตุ โดยห้องที่เกิดเหตุ คือ ห้องหมายเลข 210 พบว่าที่บริเวณห้องพัก เมื่อจอดรถรูดม่านปิดแล้ว จะต้องเดินขึ้นห้องไปที่ชั้น 2 ซึ่งกรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่า ฝ่ายชายต้องใช้กำลังบีบบังคับให้หญิงสาวขึ้นไปบนห้อง และเมื่อสอบถามพนักงาน ทราบว่าวันเกิดเหตุไม่มีคนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด
ขณะที่การตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าพักนั้น หากเป็นการเช่าแบบชั่วคราว พนักงานจะไม่ขอตรวจบัตรประชาชน แต่หากเป็นการค้างคืน ทางโรงแรมจึงจะขอดูบัตร ทำให้กรณีนี้ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้เปิดห้อง
ทีมข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ “รองผู้บังคับการฯ” พ่อของผู้ถูกกล่าวหารายนี้ แต่ได้รับคำตอบว่า “ยังไม่สะดวกคุย” และวางสายไป ขณะที่พ่อของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ยอมรับว่า กังวลเป็นอย่างมาก แต่ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ลูกสาวคนเดียว. – สำนักข่าวไทย