นายกฯ สั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัดจัดงานปีใหม่เข้ม

กทม. 20 ธ.ค.- นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เข้มจัดกิจกรรมงานรื่นเริงปีใหม่ ตามมาตรการ ศบค. ไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ ขณะที่ สธ.เตรียมพิจารณายกระดับมาตรการเข้าประเทศอีกครั้ง


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ (20 ธ.ค.) ต่ำสุดตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดำเนินมาตรการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนรวม 2,525 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,411 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 49 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 23 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 42 ราย ขณะที่ผู้หายป่วยกลับบ้าน 4,190 ราย เหลือผู้ป่วยที่กำลังรักษา 40,097 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 31 ราย สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ควบคู่ไปกับฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยอีกด้วย

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังเป็นห่วงว่า ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ขณะนี้ หลายจังหวัดมีการจัดกิจกรรมและงานรื่นเริง ทั้งงานกาชาด งานแฟร์ งานคอนเสิร์ต ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกัน จึงฝากกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด ตรวจสอบการจัดงานของผู้จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างเข้มงวด โดยให้เป็นไปตามมาตรการของ ศบค. COVID-Free Setting และมาตรการความปลอดภัย กำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน จัดพื้นที่แบบเว้นระยะห่าง รวมทั้งการแสดงหลักฐานของผู้ร่วมงาน ผลการฉีดวัคซีน ผลตรวจ ATK และขอให้ประชาชนป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ


“นายกรัฐมนตรียังสั่งดำเนินมาตรการเชิงรุก ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สั่งการให้ กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้นมากขึ้น สำหรับมาตรการเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง สกัดการเข้ามาของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ขณะเดียวกันก็ไม่ให้กระทบมาตรการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในปี 2565 ในส่วนของผู้แสวงบุญเดินทางกลับจากนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน สธ.แจ้งว่าขณะนี้ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แล้ว จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป อย่าวิตกกังวลเกินไป ทั้งนี้ ผู้ป่วยทุกรายอยู่ในการควบคุมและการดูแลคณะแพทย์ทุกโรงพยาบาลเป็นอย่างดี” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

เปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี” จุดจบแก๊งทุจริตยา

ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ป.ป.ช. บุกรวบแพทย์หญิง และเครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบข้อมูล ไปจ้างคนที่มีสิทธิเบิกราชการ หัวละ 1,000 เข้ามารับยา ก่อนเอาไปปล่อยต่อเม็ดละ 20 บาท โกยเงินเข้ากระเป๋า 60 ล้าน ทำมาแล้ว 8 ปี

ศาล รธน.รับวินิจฉัย “ภูมิธรรม-ทวี” แทรกแซง กกต. คดีฮั้ว สว.

ศาล รธน.สั่งรับวินิจฉัย “ภูมิธรรม-ทวี” ฝ่าฝืนจริยธรรม เหตุใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซง กกต. กรณีดีเอสไอรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ แต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากผิดหลุดตำแหน่ง ให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน

ย้ายด่วน หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน เร่งสอบปมขายตั๋วไม่โปร่งใส

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งย้ายด่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หลัง ป.ป.ช. สุ่มตรวจสอบการจำหน่ายตั๋วที่เกาะสี่และเกาะแปด โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พบการจำหน่ายตั๋วส่อไม่โปร่งใส

Trump says administration is looking into Signal, thinks Waltz should not apologize

“ทรัมป์” ชี้แชทรั่วไม่มีข่าวกรองชั้นความลับ

วอชิงตัน 26 มี.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บอกปัดกรณีแชทรั่วไปถึงนักข่าวว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองชั้นความลับ และไม่มีใครต้องขอโทษ ขณะที่ สว.เดโมแครตรุมตำหนิผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ลาออก นายทรัมป์แสดงความหนุนหลังทีมงานด้านความมั่นคงของเขาด้วยการตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีข้อมูลชั้นความลับถูกเปิดเผยในกลุ่มแชทสนทนาแอปพลิเคชัน ซิกนัล (Signal) ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งนายไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงได้เชิญนักข่าวคนหนึ่งเข้าไปรวมอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการใช้แอปพลิเคชันสนทนานี้และคิดว่านายวอลซ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษในเรื่องนี้ ขณะที่นายวอลซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันขอเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย กลุ่มแชทที่เขาสร้างขึ้นมีรายละเอียดเรื่องแผนการโจมตีเยเมนจริง แต่ยืนกรานว่าไม่มีข้อมูลชั้นความลับ หลังจากนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการข่าวของนิตยสารดิแอตแลนติก (The Atlantic) ออกมาเปิดเผยว่า ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแชทเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม และได้เห็นโพสต์ของนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเรื่องแผนการทำสงครามก่อนสหรัฐเปิดฉากโจมตีเยเมนระลอกแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคเดโมแครตพากันตำหนินางทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติและนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ที่ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาว่า ฉาบฉวย ไร้ความสามารถ และไม่ให้เกียรติคนทำงานข่าวกรอง นางแกบบาร์ดและนายแรตคลิฟฟ์อยู่ในกลุ่มสนทนาในแอปฯ ซิกนัลที่มีข่าวรั่วในครั้งนี้ […]