กระบี่ 19 ธ.ค.- ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 8 ตรวจสอบความเสียหายอาคารเรือนนอนในเรือนจำกระบี่ พบเศษไม้ ผ้าห่มและหมอนที่มีการจุดไฟ คาดว่าต้นเพลิงมาจากเรือนนอน ยึดของกลางหลายรายการ ระดมทีมสอบสวนรวบรวมพยานกลักฐาน จ่อแจ้งข้อหาแกนนำนักโทษ วางเพลิงเผาทรัพย์และอั้งยี่
วันที่ 19 ธ.ค.64 บรรยากาศด้านหน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ ถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ตั้งแต่วงเวียนหน้าโรงเรียนอุตรกิจ จนถึงสามแยกหน้าโรงเรียนอิสรานุสรณ์ ได้เปิดการจราจรให้รถสัญจรไปมาตามปกติแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ปิดถนนบริเวณดังกล่าวมาเป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากนักโทษกว่า 400 คน ที่ออกมาประท้วงเรียกร้องให้แยกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ออกไปรักษา ได้ก่อเหตุจลาจลทำลายทรัพย์สินในเรือนจำ เผาเรือนนอน ได้รับความเสียหายทั้งหลัง เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 16 ธ.ค.64 ต่อเนื่องจนถึงวันที่17 ธ.ค.64
ภายหลัง ทำการขนย้ายนักโทษที่เหลือจำนวน 400 คน จากทั้งหมด 2,159 คน ออกจากเรือนจำเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 8 ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ กว่า 20 นาย ต้องสวมชุดพีพีอี เข้าไปตรวจสอบความเสียหายภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ โดยพบว่าอาคารเรือนนอน ห้องสมุด และอาคารหัตถกรรม ได้รับความเสียหายทั้งหลัง
ในที่เกิดเหตุพบเศษไม้ ผ้าห่มและหมอนที่มีการจุดไฟ รองเท้าเสื้อผ้ากระจัดกระจายไปทั่วทั้งเรือนจำ และยังการใช้ของแข็งทุบอ่างอาบน้ำและร่องรอยการใช้เหล็กเจาะตามกำแพงในรอบๆ เรือนจำอีกหลายจุด โรงอาหารอุปกรณ์เครื่องครัวแตกเสียหาย บางส่วนถูกโยนออกมานอกเรือนจำ อาคารต่างๆ โดยภาพรวมเสียหายเกือบทั้งหมด คาดว่าต้นเพลิงเกินจากอาคารเรือนนอนที่เป็นอาคารไม้เก่าที่มีการก่อสร้างมากว่า 80 ปี ก่อนที่จะลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดของกลางอีกหลายรายการ อาทิ มีดทำครัว ค้อน ใบเลื่อย และมีดคัตเตอร์ คาดว่ากลุ่มนักโทษได้นำไปซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สารวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ประชุมร่วมกับตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 8 พิสูจน์หลักฐาน จ.กระบี่ เพื่อเร่งคลี่คลายคดีนักโทษทำลายทรัพย์สินเผาเรือนนอน โดยระดมพนักงานสืบสวนสอบสวนจากหลายจังหวัด เช่น กระบี่ พังงา ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ทั้งนี้จากพฤติกรรมของกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุ น่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ วางเพลิงเผาทรัพย์ รวมไปถึงอั้งยี่ อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และรวมรวมพยานหลักฐานรวมไปถึงภาพจากกล้องวงจรปิด ในที่เกิดเหตุ และต้องทำอย่างรอบคอบ คาดว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากมีการย้ายนักโทษไปไว้ตามที่ต่างๆ หลายจังหวัด .-สำนักข่าวไทย