ตาก 16 ธ.ค. – ชาวเมียนมานับพันคนหนีตาย อพยพข้ามแม่น้ำเมย หลังทหารยิงปะทะชนกลุ่มน้อย ฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก เสียงปืนดังสนั่นได้ยินถึงฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อ.แม่สอด ตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน
ช่วงเที่ยงวันนี้ (16 ธ.ค.64) เกิดเหตุปะทะเดือดระหว่างทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก เสียงปืนดังสนั่นถึงในตัวเมืองแม่สอด ทำให้ชาวเมียนมานับพันคนต้องหนีตายข้ามแม่น้ำเมยมาฝั่งไทย
นี่เป็นภาพที่ชาวเมียนพาลูกหลานเดินเข้ามาฝั่ง อ.แม่สอด ของไทย หลังเกิดเหตุยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารเมียนมาจากชุดกองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 560 ยิงปะทะกับทหารชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเคเอ็นยู จากกองพันที่ 27 บริเวณบ้านมอโค๊ะกะเล เขตจังหวัดเมียวดี ห่างจากแนวชายแดนไทย-เมียนมา ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งทหารจากกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ใช้อาวุธประจำกายทั้งปืนเล็กยาวและเครื่องยิงลูกระเบิดหลายชนิด ยิงปะทะกันนานหลายชั่วโมง เสียงดังสนั่นมาถึงฝั่งตัว อ.แม่สอด สร้างความตื่นตกใจให้แก่ชาวบ้านฝั่งไทยที่มีบ้านเรือนสร้างติดแนวชายแดนเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธของทหารทั้ง 2 ฝ่ายฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งยิงปะทะกันอย่างหนัก ส่งผลให้ชาวบ้านเมียนมาในหมู่บ้านมอโค๊ะกะเล ฝั่งจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่การยิงปะทะ วิ่งหลบหนีลูกกระสูนปืนนานาชนิด พร้อมอพยพหลบหนีข้ามแม่น้ำเมยที่กั้นแนวพรมแดน โดยชาวบ้านฝั่งเมียนมาต่างแตกตื่นหนีตายแบบไม่คิดชีวิต ทั้งอุ้มเด็กเล็ก ผู้หญิงและคนชราหลายคนใช้วิธีว่ายน้ำข้ามฝั่ง บางคนซึ่งเป็นเด็กและคนชรา ใช้วิธีนั่งเรือหางยาวขับข้ามฝั่ง รีบหนีมาขึ้นฝั่งชายแดน อ.แม่สอด เบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้อพยพสัญชาติเมียนมาหนีการสู้รบข้ามฝั่งชายแดนไทย-เมียนมา มายังแนวชายแดน อ.แม่สอด กว่า 1,000 คน
ล่าสุดทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 และกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอดที่ 3 พร้อมอาวุธครบมือ เข้าไปตรึงกำลังตลอดพื้นที่แนวปะทะ และมีการรับผู้อพยพชาวเมียนมาซึ่งหนีภัยการสู้รบมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลพื้นที่รองรับผู้อพยพอย่างเข้มงวด
ล่าสุดทหารกองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายในฝั่งประเทศเมียนมา ยังคงมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อ 15.00 น. มีรายงานว่ามีกระสุนปืน ค. ตกลงมาในฝั่งไทย 1 ลูก ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อ.แม่สอด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการสูญเสียของกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย.-สำนักข่าวไทย