กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – ศิษยานุศิษย์ร่วมกราบอาลัยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พร้อมน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติ
07.00 น. เป็นเวลาที่มีการอัญเชิญสรีรสังขารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยมีคณะสงฆ์ แม่ชี ศิษยานุศิษย์ และประชาชนจำนวนมาก เดินทางมารอรับตั้งแต่ทางเข้าวัด จนถึงห้องรัตนจันทสรวรคุรุ โดยศิษยานุศิษย์ที่มาร่วมรับสรีรสังขารหลายคน กล่าวด้วยความอาลัย และระลึกถึงคำสอนของท่านว่าได้มีโอกาสเจอกับสมเด็จช่วงบ่อยครั้ง คำสอนของท่านคือ สอนให้ทำความดี และยึดมั่นในความดี ไม่ทุจริต ไม่คดโกง ไม่ผิดศีลธรรม วันนี้แม้ยังเศร้าเสียใจ แต่รู้สึกปลื้มใจที่ได้เห็นศิษย์ยานุศิษย์ที่เคารพรักในสมเด็จท่านมารอรับเป็นจำนวนมาก
กระทั่งเวลา 08.00 น. สรีรสังขารของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้เคลื่อนมาถึงวัด เจ้าหน้าที่ได้นำร่างตั้งหน้าโกศ เพื่อให้คณะสงฆ์ทำพิธีขอขมา ก่อนเปิดให้พระมหาเถระ พระเถรานุเถระ พระสงฆ์ สามเณร ศิษยานุศิษย์ และประชาชน ร่วมสรงน้ำศพจนถึงเวลา 16.00 น. และเวลา 17.00 น. ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป บังสุกุลปากโกศ พระพิธีธรรม 4 รูป สวดพระอภิธรรม
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวัน บรรดาลูกศิษย์ ประชาชน ต่างหลั่งไหลเข้ากราบและสรงน้ำศพสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์กันอย่างเนืองแน่น พระครูอนุรักษ์ สุทธิธรรม เจ้าคณะตำบลแม่เจ้าอยู่หัว ที่เดินทางมาจากอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อร่วมพิธีในวันนี้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยพบปะพูดคุยกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในงานพิธีต่างๆ พบว่าท่านเป็นพระมหาเถระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม ไม่ว่าจะเป็นในหมู่สงฆ์ สามเณร หรือลูกศิษย์ คุณูปการของท่านมีมากมาย ได้เผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และเดินทางไปในหลายประเทศ ได้สร้างพระพุทธรูปให้พุทธศาสนิกชน เป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ลูกศิษย์ร่วมกราบอาลัย “สมเด็จช่วง” พร้อมน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติ
ขณะที่นายสุวรรณ แสงสุดใจ ไวยาวัจกรวัดนายโรง เขตบางกอกน้อย กล่าวถึงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ว่าเป็นพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่ไม่ถือตัว ปฏิบัติตัวเรียบง่าย มีความเมตตา และเป็นกันเอง โดยเฉพาะเมื่อวัดต่างๆ นิมนต์ท่านไปร่วมงาน ท่านไปหมด โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นวัดเล็กหรือวัดใหญ่ เชื่อว่าแม้ท่านมรณภาพไป ลูกศิษย์ทุกคนก็จะไม่ลืม
ด้านนางชุติมณฑน์ สุขสังขาร ผู้นำกลุ่มพระเทพมงคลเทพมุนี The miracle of Merit กล่าวว่า กลุ่มปฏิบัติธรรมและทำทานที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ประจำ ด้วยความศรัทธาในสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เนื่องจากเคยสนทนาธรรมกับท่าน พบว่าท่านเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสูง ซึ่งคำสอนของท่านจะคงอยู่ในใจของลูกศิษย์เสมอ
สำหรับชาติภูมิของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มีนามเดิมว่า ช่วง สุดประเสริฐ เกิดวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2486 ที่จังหวัดสมุทรปราการ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 คน บรรพชาเมื่ออายุได้ 14 ปี ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2486 ที่วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จากนั้นวันที่ 11 พฤษภาคม 2488 อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ได้รับฉายานามว่า “วรปุญฺโญ”
ส่วนประวัติการศึกษา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จบเปรียญธรรม 9 ประโยค จากสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร และในงานด้านปกครอง พ.ศ.2495 ได้เป็นเลขานุการสังฆนายก สมเด็จพระวันรัต พ.ศ.2499 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ (พระอารามหลวง) พ.ศ.2507 เป็นรองเจ้าคณะภาค 3 จากนั้น พ.ศ.2508 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และในวันที่ 3 มกราคม 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากมีสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะอาวุโสสูงสุดระหว่างที่ยังไม่ตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ หลังจากที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สิ้นพระชนม์เมื่อพ.ศ.2556
บั้นปลายชีวิตสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาธในโรงพยาบาลศิริราช ปลายเดือนมีนาคม 63,คณะแพทย์ถวายการรักษาอาการมาโดยตลอด กระทั่งถึงวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา เวลา 05.48 น. ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ณ ตึก 84 ปี โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุ 96 ปี 3 เดือน 14 วัน พรรษา 76
ทั้งนี้ หลังจากอาพาธและเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อฟอกไตมาเป็นเวลา 5 ปี ก่อนมรณภาพ ท่านไม่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเบาหวานหรือความดันแต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย