ศบค.เปิดสถานบันเทิง 16 ม.ค.65  

ทำเนียบรัฐบาล 19 พ.ย.- ศบค.ระบุ 16 ม.ค.65 เวลาเหมาะสมเปิดบริการสถานบันเทิง เหตุตัวเลขติดเชื้อ-เสียชีวิตทรงตัว กระตุ้นผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ สธ. ขึ้นทะเบียน SHA+ ย้ำกฐินวิถีใหม่ ลอยกระทงอย่างระวัง


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 วันนี้ (19 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,855 ราย ติดเชื้อในประเทศ 6,619 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 12 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 224 ราย หายป่วย 7,655 ราย กำลังรักษา 89,821 ราย รักษาในโรงพยาบาล 43,676 ราย รักษาในโรงพยาบาลสนามและอื่น ๆ 46,145 ราย อาการหนัก 1,686 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 397 ราย โดยแบ่งเป็น กทม. 806 ราย สงขลา 642 ราย นครศรีธรรมราช 412 ราย เชียงใหม่ 276 ราย สุราษฎร์ธานี 233 ราย สมุทรปราการ 227 ราย ชลบุรี 223 ราย ปัตตานี 222 ราย ยะลา 169 ราย และราชบุรี 142 ราย 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนผลการตรวจ ATK ที่ผลเป็นบวกสูง คือ เชียงราย 20% พิษณุโลก สระบุรี กระบี่ สงขลา พัทลุง ยะลา สตูล ผลตรวจเกิน 10% ส่วนปัตตานี นราธิวาส มีทิศทางลดลง รายงานยอดติดเชื้อลดลงเช่นกัน


พญ.อภิสมัย กล่าวถึงผู้เสียชีวิตอยู่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด มีผู้ติดเตียงเสียชีวิต 2 ราย วันพุธที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เสียชีวิต 3 ราย มีปัจจัยเสี่ยงเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสคนรู้จัก คนในครอบครัว อาศัยอยู่ร่วมกันใกล้ชิด เช่น หอพักนักเรียน คนงาน แคมป์คนงานก่อสร้าง ขณะนี้มีการเดินทางท่องเที่ยวข้ามพื้นที่ จึงขอเน้นย้ำว่า ครอบครัวมีคนอยู่ร่วมกันหลายวัย มีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ต้องระมัดระวังสูงสุด โดยเฉพาะขณะนี้เปิดเทอมแล้ว ขอให้ภายในครอบครัวแยกพื้นที่ส่วนที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน เพื่อลดการติดเชื้อในครอบครัว เมื่อมีบุคคลเสี่ยงสูงอายุ ป่วยติดเตียง อาจมีอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิต

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีน มีผู้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 764,448 โดส รวมทั้งหมด 87,655,274 โดส แบ่งเป็น เข็มที่หนึ่ง 46,248,787 โดส เข็มที่สอง 38,421,936 โดส และเข็มที่สาม 2,984,551 โดส ขณะที่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ยังฉีดวัคซีนจำนวนน้อย เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น เนื่องจากกลัวผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ ทั้งนี้ พบกลุ่มจังหวัดภาคใต้ได้รับวัคซีนสูงสุด โดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมนุม ขอเน้นย้ำเพิ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีน     

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. กำชับทุกพื้นที่เน้นการฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้กระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และขอให้จังหวัดมีกลยุทธชักชวน เชิญชวนประชาชนในพื้นที่ห่างไกลศูนย์ฉีดวัคซีน จัดทีมเดินเท้าและจัดจุดฉีดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย โดยเน้นย้ำเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชน


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า วันนี้ยังมีรายงานการเข้าพื้นที่ผิดกฎหมาย โดยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ มีทั้งเป็นชาวไทยและกัมพูชา 2 ราย จังหวัดจันทบุรี ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก รายงานต่อเนื่องว่า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวเปิดกิจการกิจกรรม จำเป็นต้องรับแรงงานเพื่อนบ้านมากขึ้น ศบค.ไม่ได้ห้าม แต่ขอให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย เพื่อจะได้รับการดูแล ตรวจหาโรค ตรวจเชื้อโควิด หากยังไม่ได้รับวัคซีนจะได้รับวัคซีนด้วย ถ้าลักลอบแบบผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดี

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนการจัดงานประเพณีวิถีใหม่ที่น่าชื่นชม คือ งานกฐินที่จังหวัดอุบลราชธานี  โดยขอชื่นชมตั้งแต่สายการบินนกแอร์ ที่เดินทางตั้งแต่ กทม. ถึงอุบลราชธานี ที่ตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีน และระหว่างเดินทางยังย้ำเตือนสวมหน้ากากตลอดเวลา ทำความสะอาดจุดสัมผัส ไม่รับประทานอาหารบนเครื่อง กำหนดจุดที่นั่ง เว้นระยะห่างในศาลาและนอกศาลา ถ่ายทอดวิดีโอเพื่อไม่ให้หนาแน่น

“ส่วนพระที่ร่วมอยู่ในงานได้รับวัคซีนครบ 100% คนไปร่วมงานตรวจสอบหลักฐานการรับวัคซีน รวมทั้งตรวจ ATK ก่อนเข้าร่วมงาน ระหว่างประกอบพิธี มีการคัดกรองอุณหภูมิ วางเจลแอลกอฮอล์ งดรับประทานอาหารร่วมกัน จัดเตรียมอาหารเป็นชุดกลับไปบ้านตัวเอง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รพ.วารินชำราบ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ ที่ตั้งจุดตรวจ ซึ่งผู้ร่วมงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนให้ความร่วมมือ เพื่อความปลอดภัย งานพิธีกรรมประเพณียังมีอย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่ ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวพื้นที่อากาศหนาว เห็นภาพเล่นน้ำ รับประทานอาหารร่วมกัน แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังเป็นผู้แพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ ต้องเน้นวิถีชีวิตใหม่ที่ขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก รายงานการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว มี 6 จังหวัด เชียงใหม่ กทม. บุรีรัมย์ อุดรธานี หนองคาย และเลย ที่ได้รายงานในโครงการที่นักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่กักตัวจาก 61 ประเทศ และ 2 พื้นที่ บางประเทศที่ลงผลวัคซีนแบบคิวอาร์โค้ดจะสามารถอนุมัติได้ทันที แต่ประเทศที่ไม่ได้รายงานเป็นระบบคิวอาร์โค้ด จะให้กระทรวงการต่างประเทศและกรมควบคุมโรคร่วมกัน และปฏิเสธเอกสารที่ไม่ครบ ฉีดวัคซีนไม่ครบ จองโรงแรมไม่ครบ

“จึงเน้นย้ำผู้ประกอบการโรงแรม เรื่องค่าบริการโรงแรมที่พัก การตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึง รถรับส่งจากสนามบิน และ ATK ที่ต้องแจกให้นักท่องเที่ยว ทั้งการต้องบังคับให้อยู่แพ็กเกจที่พัก เพราะมีรายงานพบนักท่องเที่ยวมีผลเป็นบวกเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งมีโรงพยาบาลคู่ในแพ็กเกจ จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและทันท่วงที” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการเปิดกิจการของสถานบันเทิงหรือกิจการที่คล้ายกัน โดยคาดว่าเวลาที่เหมาะสมจะเปิดในวันที่ 16 มกราคม 2565 ซึ่งเมื่อชะลอ ผู้ประกอบการอาจจะได้รับผลกระทบและผิดหวัง จึงต้องหารือหลายฝ่ายอย่างรอบด้าน ตัวแทนผู้ประกอบการเองก็เข้าใจ ถือได้ว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากเหตุผลเรื่องการแพร่ระบาดที่พบตัวเลขยังทรง ๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ต่ำว่า 5,000 คน และผู้เสียชีวิตยังไม่ต่ำกว่า 50 คน 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า จากการสำรวจพบสถานบริการประเภทนี้ยังไม่ขึ้นทะเบียนมาตรฐาน SHA+ ซึ่งจากตัวเลขในพื้นที่ กทม. มีสถานประกอบการได้รับมาตราฐาน SHA+ แล้วจำนวน 7,994 แห่ง โดยในวันนี้ (18 พ.ย.) ได้รับอนุมัติจำนวน 1,216 แห่ง จากทั้งหมดที่ผ่าน มีร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านเสริมความงาม บริษัทนำเที่ยว ร้านขายของที่ระลึก ส่วนจังหวัดอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ มีตลาดและร้านอาหารริมบาทวิถี ผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขในเรื่อง Covid free setting ด้วย 

“การเปิดหรือไม่เปิดดำเนินกิจการ ไม่ได้อยู่กับการตัดสินของ ศบค. แต่อยู่ที่ความพร้อมของสถานประกอบการของท่าน เป็นการจัดการของเจ้าของ พนักงาน และการจัดการสถานที่ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก ขอให้หน่วยงานในพื้นที่ช่วยประชาสัมพันธ์ชักชวนผู้ประกอบการ และขอให้รณรงค์ให้บุคลากร พนักงานในร้านรับวัคซีน เพราะตอนนี้มีคนไทย 11 ล้านคน ยังไมได้รับวัคซีนเข็มแรก” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงการที่องค์การอนามัยโลกเตือนการระบาดหลายประเทศในยุโรป ที่พบว่าน่าเป็นห่วง มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทำให้หลายประเทศประกาศปิดเมือง เช่น เนเธอร์แลนด์สั่งปิดเมืองอีกครั้ง เดนมาร์กทบทวนการกลับมาใส่หน้ากาก ขณะที่เยอรมนี สหราชอาณาจักร พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น แม้จะฉีดวัคซีนครบโดส การแพร่ระบาดอาจกลับมารุนแรงได้ เพราะผู้ฉีดวัคซีนครบก็ยังสามารถเป็นผู้ที่แพร่เชื้อได้.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย