กทม. 3 ต.ค.-ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 17 จังหวัด ประสานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 64 – ปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 31 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม 195 อำเภอ 1,001 ตำบล 6,909 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 264,210 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 8 ราย (ลพบุรี 6 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย และชัยนาท 1 ราย) สูญหาย 1 ราย (เพชรบูรณ์ 1 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก บุรีรัมย์ นครปฐม ยโสธร สุรินทร์ เลย ศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี และกำแพงเพชร) ยังคงมีสถานการณ์ 17 จังหวัด รวม 81 อำเภอ 488 ตำบล 2,871 หมู่บ้าน ดังนี้
- สุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง อำเภอคีรีมาศ และอำเภอเมืองสุโขทัย ระดับน้ำลดลง
- พิษณุโลก น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง อำเภอพรหมพิราม และอำเภอบางระกำ ระดับน้ำลดลง
- เพชรบูรณ์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ที่ติดริมแม่น้ำ ป่าสัก ระดับน้ำลดลง
- พิจิตร น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบึงนาราง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล และอำเภอสามง่าม ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ระดับน้ำลดลง
- ขอนแก่น น้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูผาม่าน อำเภอชุมแพ อำเภอหนองเรือ อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอชนบท อำเภอมัญจาคีรี และอำเภอโนนศิลา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- ชัยภูมิ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอภูเขียว อำเภอบ้านเขว้า อำเภอจัตุรัส และอำเภอคอนสวรรค์ ระดับน้ำลดลง
- นครราชสีมา ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านขุนทด อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอพิมาย อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนโทย อำเภอคง อำเภอพระทองคำ อำเภอจักราช อำเภอสีดา อำเภอขามสะแกแสง และอำเภอบ้านเหลื่อม ระดับน้ำเพิ่มขึ้น จังหวัดได้จัดตั้งจุดอพยพ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง อำเภอโนนไทย อำเภอแก้งสนามนาง และอำเภอเมืองนครราชสีมา ผู้อพยพ 544 คน
- อุบลราชธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ระดับน้ำเพิ่มขึ้น จัดตั้งจุดอพยพในอำเภอเมืองอุบลราชธานี ผู้อพยพ 467 คน
- นครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลาดยาว และอำเภอท่าตะโก ระดับน้ำลดลง
- อุทัยธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และอำเภอทัพทัน ระดับน้ำลดลง
- ชัยนาท น้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอวัดสิงห์ อำเภอเนินขาม อำเภอหันคา อำเภอสรรคบุรี อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอหนองมะโมง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- ลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอชัยบาดาล และอำเภอบ้านหมี่ ระดับน้ำลดลง
- สระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังม่วง อำเภอแก่งคอย อำเภอเสาไห้ อำเภอบ้านหมอ อำเภอหนองโดน อำเภอวิหารแดง อำเภอพระพุทธบาท อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอมวกเหล็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอดอนพุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- สุพรรณบุรี ยังคงน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- สิงห์บุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอค่ายบางระจัน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- อ่างทอง น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอไชโย และอำเภอป่าโมก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- พระนครศรีอยุธยา น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร และอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา ยังน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองโผงเผง ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบขนาดใหญ่เพื่อเร่งระบายน้ำแล้ว
ภาพรวมสถานการณ์ ปัจจุบันบางพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ขณะที่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมรับมือแล้ว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง.-สำนักข่าวไทย