กทม. 2 ต.ค.-ศธ. ดีเดย์ ฉีดวัคซีนเด็กนักเรียน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม นายกฯ ร่วม Kick off วันที่ 4 ต.ค.นี้ สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักเรียนและเยาวชน โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อให้นักเรียนกลับมาใช้ชีวิตที่เรียนหนังสือในโรงเรียนโดยเร็วที่สุด โดยในวันที่ 4 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ พร้อมกับโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพทั่วไทย เพื่อให้กำลังใจนักเรียนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นเข็ม 1 โอกาสนี้ จะได้เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีนและชมนิทรรศการโรงเรียนปลอดภัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ภายในงานด้วย
สำหรับโรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา ปีที่ 6 มีนักเรียนช่วงอายุระหว่าง 12-18 ปี ที่มีคุณสมบัติรับการฉีดวัคซีนจำนวน 799 คน สมัครใจฉีด 695 คน คิดเป็นร้อยละ 86.98 โดยจะเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 4 ตุลาคม นี้ จำนวน 200 คน และจะทยอยฉีดวัคซีนนักเรียนเมื่อได้รับการจัดสรรในรอบต่อๆ ไป
นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแผนให้นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่มีจำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัดก่อนและจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนต่อไป
“นายกรัฐมนตรีกำชับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียนและเยาวชน รวมไปถึงการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรภายในโรงเรียนทุกระดับ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ให้ ศธ. เร่งดำเนินการโครงการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยคาดหวังให้โรงเรียนกลับมาเปิดเรียน On Site ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ลดความเครียดและข้อจำกัดของนักเรียนในการเรียนการสอนออนไลน์ด้วย” นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา (อย.) วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไป ในประเทศไทย ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา อินโดนีเซีย ฯลฯ ยังได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย