สธ.22ก.ย.-ปลัด สธ.คาดตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดจะไม่ลดลงไปกว่านี้ เพราะการผ่อนปรนกิจกรรมกิจการ และคาดว่าในอนาคต ทั้ง กทม.และภูเก็ต โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นก่อน เนื่องจากปัจจัยคนติดเชื้อมาก แต่ไม่มีอาการรุนแรง และการรับวัคซีนจำนวนมาก
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวว่า คาดการณ์ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 จากนี้อัตราการติดเชื้อจะค่อยๆ ลดลง แต่จะไม่ลดลงมาไปมากกว่านี้ แบบตัวเลขหายไปเลยก็คงเป็นไปไม่ได้และคงไม่ลดลงไปมากกว่านี้ เหลือเพียงหลักหมื่นคนต่อวัน ทั้งนี้เพราะการเปิดผ่อนคลายมาตรการ กิจการบางอย่าง ซึ่งก็ถือว่าช่วยให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้นและคนมีงานทำได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่ว่ามาตรการต่างๆ ในการป้องกันตนเองยังต้องเข้มข้นเหมือนเดิม เพื่อให้การใช้ชีวิตจากนี้เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปกติ
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่นานจากนี้โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยคงเริ่มในพื้นที่มีการระบาดมากก่อน และไม่มีผู้ป่วยอาการรุนแรง,มีการรับวัคซีนจำนวนมาก เช่น ในกทม. และภูเก็ต ส่วนการบ่งบอกทางวิชาการว่าเมื่อไหร่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นนั้น ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าโรคนี้จะค่อยๆหายไปหรือป่วยแต่ก็ไม่มีอาการรุนแรงอีกต่อไป เช่น พื้นที่ กทม.ขณะนี้พบการติดเชื้อรายใหม่วันละ 2,000-3,000 คน
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เตียงพบว่าเตียงสีแดงเริ่มดีขึ้น เตียงสีเหลือง เหลือว่างหลักร้อย เตียงสีเขียวเหลือว่างถึงหลักพันคน แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ประมาท ทั้งป้องกันตน สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ มีระยะห่าง และเมื่อมีชุดตรวจ ATKที่ สปสช.จัดซื้อ 8.5 ล้านชุดและกระจายไปให้ประชาชน คนละ 2 ชุด เพื่อใช้ตรวจก็ควรมีการตรวจด้วย หากมีความเสี่ยงหรือทางหน่วยงานก็ควรตรวจพนักงานสัปดาห์ละครั้ง ตรงส่วนนี้จะช่วยในการคัดกรองไปในตัว การมีชุดตรวจไม่เก็บไว้มีต้องใช้ และต้องใช้ให้เป็นตรวจให้ถูกวิธีจึงจะเกิดประโยชน์ .-สำนักข่าวไทย