ศบค.เตือนคลายล็อกดาวน์หากคุมไม่ดี อาจติดเชื้อแตะ 3 หมื่นราย

ทำเนียบ 6 ก.ย. – ศบค. เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 13,988 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 17,284 ราย กำลังรักษาอยู่ 148,622 ราย เสียชีวิต 187 ราย อายุน้อยสุด 13 ปี มีโรคประจำตัว เตือนคลายล็อกดาวน์หากคุมไม่ดี ต้นเดือน ต.ค. อาจติดเชื้อ 3 หมื่นรายต่อวัน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,988 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 13,544 ราย ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 11,561 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,966 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 444 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 17 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 1,294,522 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 17,284 ราย สะสม 1,132,858 ราย กำลังรักษาอยู่ 148,622 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 44,954 ราย และโรงพยาบาลสนาม 103,668 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 4,601 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,013 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 187 ราย รวมเสียชีวิต 13,042 คน


ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1,265,659 ราย หายป่วยสะสม 1,105,432 ราย เสียชีวิตสะสม 12,948 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 5 กันยายน 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด จำนวน 35,912,894 โดส วันที่ 5 กันยายน 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 129,317 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 195,241 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 660 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงแบบจำลองคาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ว่า จากการล็อกดาวน์ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ได้รับความร่วมมือ สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ระดับหนึ่ง เป็นผลจากมาตรการเข้มข้นที่ได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจและผู้ประกอบ และประชาชน แต่ ศบค.มีการปรับมาตรการ จึงเห็นบรรยากาศที่ประชาชนเข้าห้างสรรพสินค้าไปซื้อของ จึงขอฝากให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี การ์ดอย่าตก เพราะหากคุมสถานการณ์ไม่ดีอาจเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นในเดือน ต.ค. วันละ 3 หมื่นรายได้


“ตามการคาดการณ์ จะมีแรงเฉื่อยปลายเดือนนี้ และต้นเดือนตุลาคม เส้นเหล่านี้จะพุ่งขึ้น หมายถึงว่าจะมีคนไข้ที่ป่วยมากขึ้นกว่านี้อีก ตรงนี้แหละครับน่ากลัว ถ้าคุมไม่ดีจะไปแตะที่ 3 หมื่นรายต่อวันได้เช่นเดียวกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 187 ราย ชาย 101 ราย หญิง 86 ราย เป็นชาวไทย 181 ราย เมียนมา 4 ราย จีน 1 ราย อเมริกัน 1 อายุค่ากลาง 70 ปี อายุน้อยสุด 13 ปี อายุมากสุด 95 ปี แบ่งเป็น กทม. 24 ราย ชลบุรี 20 ราย สมุทรสาคร 17 ราย ปทุมธานี 16 ราย พระนครศรีอยุธยา 12 ราย นครปฐม อ่างทอง จังหวัดละ 11 ราย สระบุรี 13 ราย สระบุรี 10 ราย สมุทรปราการ สุพรรณบุรี จังหวัดละ 5 ราย นนทบุรี ปัตตานี สงขลา ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 4 ราย ชัยภูมิ ตาก ระนอง ลพบุรี สมุทรสงคราม 3 ราย เชียงราย นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี จังหวัดละ 2 ราย มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา พิษณุโลก สตูล พัทลุง ยะลา ตรัง ราชบุรี ระยอง นครนายก ตราด เพชรบุรี จังหวัดละ 1 ราย โรคประจำตัวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง พบผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป 131 ราย อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 41 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 14 ราย เด็กอายุ 13 ปี จ.ตาก มีโรคประจำตัว เสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย จ.ระยอง ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อจากคนรู้จัก คนในครอบครัว

ส่วนแบบจำลองจากกระทรวงสาธารณสุข ที่คาดการณ์ผู้เสียชีวิตกับตัวเลขคาดการณ์จากมาตรการล็อกดาวน์ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเสียชีวิตประมาณ ต.ค. พุ่งขึ้นอีก แต่ไม่สูงเท่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นผลจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ และฉีดวัคซีนให้กับ 8 กลุ่มโรค


สำหรับ 10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 6 ก.ย. 2564 คือ 1.กรุงเทพมหานคร 3,610 ราย 2.สมุทรปราการ 868 ราย 3.สมุทรสาคร 711 ราย 4.ชลบุรี 703 ราย 5.เพชรบูรณ์ 488 ราย 6.ระยอง 464 ราย 7.นนทบุรี 300 ราย 8.พระนครศรีอยุธยา 294 ราย 9.นครราชสีมา 278 ราย 10.ราชบุรี 267 ราย ขณะที่ผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3,610 ราย ที่อยู่ขณะป่วยอยู่ในกทม. 3,169 ราย ที่อยู่ขณะป่วยอยู่ต่างจังหวัดเข้ารักษาโรงพยาบาลในกทม. 441 ราย มี 10 อันดับเขต ที่พบผู้ป่วยสูงสุด ดังนี้ 1.หลักสี่ 135 ราย 2.จอมทอง 132 ราย 3.บางกะปิ 125 ราย 4.บางขุนเทียน 101 ราย 5.บางคอแหลม 101 ราย 6.หนองแขม 96 ราย 7.ประเวศ 92 ราย 8.บางบอน 90 ราย 9.ธนบุรี 89 ราย 10.บางแค 89 ราย

ขณะที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 221,542,850 ราย อาการรุนแรง 105,498 ราย รักษาหายแล้ว 198,036,657 ราย เสียชีวิต 4,581,744 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 40,805,259 ราย 2.อินเดีย จำนวน 33,027,136 ราย 3.บราซิล จำนวน 20,890,779 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 7,012,599 ราย 5.สหราชอาณาจักร 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿จำนวน 6,978,126 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,294,522 ราย

นพ.วีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็จะมีการดูตัวเลขต่างๆ ในรอบ 14 วันที่ผ่านมานำมาประกอบด้วย

“ผมก็อยากจะฝากทุกท่านว่า วันนี้เรากินบุญเก่าของ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และถ้าวันนี้เราจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีผลไปอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้กิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ที่สื่อบอกว่าเป็นการผ่อนคลาย แต่ผมก็อยากบอกว่าเป็นการปรับมาตรการ ขอให้ท่านการ์ดอย่าตก ซึ่งมีคำขยายความไม่ว่าจะเป็น universal prevention เรื่องของบับเบิลแอนด์ซีล อะไรทั้งหลายแหล่ มีศัพท์ต่าง ๆ มากมาย แต่ที่สุดแล้วถ้าท่านทุกคนมีสุขอนามัยอย่างดี ดูแลตัวเอง ซึ่งเราไม่อยากให้กราฟสีเขียวพุ่งขึ้นมาและทำให้เกิดติดเชื้อวันละ 3 หมื่นคนอีก” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย และว่าขณะนี้ทฤษฎีด้านการแพทย์ที่จะกำจัดโรคนี้ไปเป็นศูนย์ ไม่ได้หวังอย่างนั้นแล้ว ว่าจะกำจัดโควิด-19 ไปได้ ซึ่งก็จะเหมือนกับวัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องอยู่คู่กับโลกนี้ โควิด-19 ก็เช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ร่วมกิจกรรม “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน

นายกฯ ขีดเส้น 30 วัน ออกมาตรการคุมสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ

นายกฯ สั่ง พาณิชย์-ดิจิทัลฯ เข้ม 3 มาตรการ คุมสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศให้มีคุณภาพ ขีดเส้นให้เสร็จภายใน 30 วัน