ทำเนียบ 17 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล แจงสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม นำมาฉีดไขว้แอสตราเซเนกา หลังพบกระตุ้นภูมิได้สูง พร้อมสั่งสอบฉีดไฟเซอร์ บูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้บุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้า
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่ ศบค.มีมติให้องค์การเภสัชกรรมจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคอีก 12 ล้านโดส ว่า มีงานวิจัยและข้อมูลรองรับว่า ตั้งแต่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้อนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ไขว้ชนิดกันได้ ทางไทยก็ได้มีการฉีดวัคซีนแบบไขว้ และมีการเก็บข้อมูลพบว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า การฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2
“ที่สำคัญมีข้อมูลว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และไขว้ด้วยการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่ 2 จะทำให้มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นมากกว่าการฉีดซิโนแวคทั้ง 2 เข็มถึง 4 เท่า ซึ่งในระหว่างที่รอวัคซีน mRNA ที่เข้ามาช่วงปลายเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคม ก็จะเป็นการฉีดลักษณะไขว้แบบนี้ จึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ ณ ตอนนี้ไทยจะเริ่มการฉีดในลักษณะการให้ซิโนแวคเป็นเข็มแรก สำหรับใครที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อนหน้านี้เลย และจะเป็นแอสตราเซเนกาเป็นเข็มที่ 2 เพราะว่ามีภูมิที่ขึ้นได้สูงและจะป้องกันเดลตาได้ด้วย” โฆษกรัฐบาล กล่าว
ส่วนกรณีที่พบว่า มีการนำญาติผู้บริหาร หรือบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้ามาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ บูสเตอร์โดสเข็ม 3 นั้น นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง และให้ทางสาธาณสุขจังหวัดเข้ามาตรวจสอบ และหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริงจะลงโทษตามระเบียบวินัยต่อไป พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายฉีดให้กับกลุ่มวีไอพีแต่อย่างใด
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยจะครอบคลุมทุกกลุ่มได้ภายในสิ้นปีนี้หรือไม่นั้น นายอนุชา กล่าวว่า ปัจจุบันการฉีดวัคซีนทำได้แล้วมากกว่า 24 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 ประมาณ 18.3 ล้านโดส เข็มที่ 2 ประมาณ 5.2 แสนกว่าโดส และเข็มที่ 3 ประมาณ 5 แสนโดสแล้ว ซึ่งคาดว่า ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะฉีดได้ถึง 30 ล้านโดส และในช่วงวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา สามารถฉีดได้สูงสุด 6แสนโดสต่อวัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวัคซีนที่จะเข้ามา ถ้าเข้ามาเพียงพอก็จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้ โดยยืนยันว่าจะมีวัคซีนเข้ามาครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ และ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ มีศักยภาพที่จะสามารถฉีดวัคซีนได้มากว่า 15 ล้านโดสต่อเดือนแน่นอน.-สำนักข่าวไทย