แถลงจับคนร้ายคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ภูเก็ต 8 ส.ค.- ผบ.ตร.แถลงผลการจับกุมคนร้ายคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังแกะรอยจากพยานหลักฐาน และภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ก่อเหตุเปิดปากสารภาพขณะแถลง โดยเล่าทุกขั้นตอนที่ก่อเหตุ


หลังพบศพนักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ เสียชีวิตที่บริเวณน้ำตกโตนอ่าวยน จ.ภูเก็ต ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีได้สำเร็จ จนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ได้แล้ว การแถลงตำรวจได้มีการต่อสายโทรศัพท์ให้สื่อมวลชนได้ซักถามผู้ต้องหา และให้ผู้ต้องหาเล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ฟังด้วย ซึ่งผู้ต้องหาสารถาพว่าพบผู้ตายโดยบังเอิญในจุดเกิดเหตุ โดยผู้ตายอยู่ในลักษณะนั่งเปลือยกายท่อนล่างอยู่บนโขดหิน จึงย่องเข้าไปจากด้านหลัง แล้วใช้มือล็อกคอผู้ตาย แต่ผู้ตายดิ้นรนขัดขืนจนเกิดการต่อสู้กัน ทำให้ผู้ตายคว่ำหน้าลงไปในน้ำและเสียชีวิต ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ทำเพียงลำพัง เพื่อต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย หลังจากลงมือฆ่าแล้วรื้อค้นทรัพย์สินได้เงินเพียง 300 บาท จึงใช้ผ้าใบไหลมาในลำธารคลุมอำพรางร่างผู้เสียชีวิตเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น และนำเงินที่ได้บางส่วนไปใช้ซื้อบุหรี่และกัญชา 

ขณะที่แนวทางการสอบสวนจนนำไปสู่การจับกุมได้ในครั้งนี้ พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ระบุว่าตำรวจแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ตรวจบริเวณน้ำตก จนพบมียานพาหนะที่ผ่านเส้นทางก่อนถึงน้ำตกทั้งสิ้น จำนวน 68 คัน จากนั้นจึงได้ตีกรอบให้เหลือ 34 คัน สุดท้ายเหลือ 8 คัน หนึ่งในนั้นคือนายธีรวัฒน์คนร้ายที่กล้องวงจรปิดบันทึกเวลาผ่านจุดดังกล่าว 10.03 น. ใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายเข้าไปยังน้ำตกในเวลา 11.49 น. บวกกับคำให้การที่มีพิรุธ ตลอดจนพบตามร่างกายมีรอยบาดแผลขีดข่วน ซึ่งแผลที่เกิดแล้วมา 4-5 วัน และกำลังตกสะเก็ด


สุดท้ายผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยระบุว่านำเงินจำนวนที่ได้ทั้งหมดไปซื้อเครื่องดื่ม บุหรี่ และกัญชา ซึ่งเมื่อตำรวจเรียกร้านค้าตามบุคคลที่นายธีรวัฒน์อ้างถึงมาสอบปากคำพบว่าข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกัน

ด้านพลตํารวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ระบุว่าในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคนไทย ขอแสดงความสูญเสียอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และแม้ว่าการจับกุมตัวคนร้ายในครั้งนี้จะทำได้โดยเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทดแทนความสูญเสียที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับ ซึ่งคนไทยรู้สึกเสียใจกับความสูญเสียครั้งนี้มาโดยตลอด และในนามว่าตำรวจไทยและผู้เกี่ยวข้องจะทำหน้าที่รักษากฎหมายความสงบเรียบร้อยถูกต้อง และพิทักษ์ความเป็นอยู่ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวตลอดไป

สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ยังมีนายยัน เคธเนอร์ ผู้ช่วยฝ่ายตำรวจสวิสประจําประเทศไทยเข้าร่วมด้วย กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยและผู้เกี่ยวข้องที่คลี่คลายคดีโดยเร็ว ขณะที่ภาคเอกชนและท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 16 องค์กร ได้ร่วมกันมอบดอกไม้และเงินจำนวน 200,000 บาท ซึ่งเคยตั้งเป็นรางวัลนำจับให้ผู้แจ้งเบาะแสให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากยังไม่มีผู้ใดที่แจ้งเบาะแส จึงมอบเงินจำนวนนี้ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำไปใช้ในการตั้งต้นสร้างความปลอดภัยให้กับคนภูเก็ตต่อไปด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่