กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปรับ 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการต่อเนื่องถึง 31 ส.ค.64 ประเมินสถานการณ์ทุก 14 วัน เริ่มตั้งแต่ 3 ส.ค.นี้
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอีกระยะเวลาหนึ่ง พร้อมยกระดับมาตรการ เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มความรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ สาระสำคัญของประกาศ คือ ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 21.00-04.00 น. งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด ให้ตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัด (ตามมาตรการที่ราชการกำหนด) ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ร้านอาหารห้ามบริโภคในร้าน ให้ขายแบบนำกลับไปบริโภคที่อื่น เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ผ่อนปรนให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเปิดจำหน่ายได้เฉพาะบริการแบบเดลิเวอรีเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง หรือ take away เพื่อลดการติดต่อระหว่างผู้จำหน่ายและผู้บริโภค ส่วนร้านขายยา เวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. และยังให้ปิดร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา ธนาคาร ร้านอุปกรณ์สื่อสารและมือถือ ห้ามใช้อาคารสถานที่ของสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังผ่อนปรนให้กลุ่มแรงงานก่อสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับมาเปิดหรือดําเนินการได้ ภายใต้หลักเกณฑ์ มาตรการ และแนวทางกํากับติดตามประเมินผล ที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกําหนด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาปรับมาตรการตามความเหมาะสม
ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ลดจาก 53 จังหวัด เหลือ 37 จังหวัด มาตรการสำคัญ คือ ยังให้ตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน บริโภคอาหารในร้านอาหารได้ เปิดไม่เกินเวลา 23.00 น. และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ โดยจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ และให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำหรับสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ทุกประเภท ไม่เกินเวลา 21.00 น. จัดแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เพิ่มจาก 10 จังหวัด เป็น 11 จังหวัด ไม่จำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน ร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้และเปิดได้ตามปกติ งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ ปิดส่วนเครื่องเกม สวนสนุก ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด และสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามเวลาปกติทุกประเภท จัดการแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเหลืองและสีเขียว) ไม่มีแล้ว
ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการนี้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 โดยให้ประเมินสถานการณ์และความเหมาะสมของมาตรการตามข้อกำหนดนี้ทุกห้วงระยะเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
ขณะที่ราชกิจจานุเบกษาอีกฉบับ เผยแพร่คำสั่งนายกรัฐมนตรี จัดโครงสร้าง ศบค. ให้เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารในอินเทอร์เน็ต โดยให้หัวหน้าศูนย์และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารในอินเทอร์เน็ต เป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ ศบค. – สำนักข่าวไทย