นนทบุรี 15 มิ.ย.-ผลการประชุม กกร.มีมติให้ต่ออายุสินค้าและบริการที่ควบคุม 51 รายการ แบ่งเป็น สินค้า 46 รายการ บริการ 5 รายการต่อไปอีก 1 ปี พร้อมออกมาตรการกฎหมายปิดป้ายราคารับซื้อ”ผักผลไม้” ให้ความเป็นธรรมชาวสวน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ว่าที่ประชุมมีมติให้ต่ออายุสินค้าและบริการที่ควบคุม 51 รายการ แบ่งเป็น สินค้า 46 รายการ บริการ 5 รายการ เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 – 30 มิ.ย. 65 พร้อมมีมติเพิ่มมาตรการอีก 3 มาตรการ ได้แก่ 1.สินค้า 4 รายการ ประกอบด้วย กาก DDGS คือ กากเหลือจากทำเอทานอล ข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ให้สามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าทางอิเลคทรอนิกส์ได้
2.เหล็ก 3 รายการ ประกอบด้วยเหล็กเส้น ต้องแจ้งข้อมูลปริมารการนำเข้า ปริมาณการผลิต ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เป็นประจำทุกเดือน เหล็กเคลือบดีบุกและเหล็กโครเมียม ปรับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ของ มอก. และ 3 ลิขสิทธิ์เพลง ต่อไปนี้เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมด 8 รายการ เพื่อคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์และเพื่อคุ้มครองผู้ที่จะมาซื้อลิขสิทธิ์หรือใช้บริการลิขสิทธิ์ เช่น ชื่อผู้แต่งเนื้อร้องและทำนอง และวันสิ้นสุดสัญญาอนุญาตให้จัดเก็บค่าตอบแทน
นอกจากนี้ การแสดงราคารับซื้อสินค้าทางการเกษตร ผักและผลไม้ ใน 5 รายการ ประกอบด้วย มะเขือเทศ พริก ฟักทอง กะหล่ำปลี และผักและผลไม้อื่นๆ ต้องปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น และผลไม้ 9 ชนิด ประกอบด้วย เงาะ มะม่วง ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ ส้มและสับปะรด นอกจากปิดป้ายแสดงราคารับซื้อแล้ว ต้องปิดป้ายเวลา 8.00 น. ตอนเช้า เพื่อให้เกษตรกรทราบว่าวันนี้ราคาเท่าไหร่ จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขายหรือไม่จะได้มีทางเลือก ขณะที่กลุ่มพืชผลการเกษตร 4 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน(ผลปาล์มสด) และมันสำปะหลัง ห้ามคิดค่าชั่งน้ำหนักแล้วนำไปหักออกจากราคารับซื้อ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาเรื่อง แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่หรือแพลตฟอร์มให้บริการจำหน่ายอาหารผ่านระบบเดลิเวอรี่ ให้พิจารณาเรื่องค่าจีพี ค่าขนส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น เพื่อให้แพลตฟอร์มอยู่ได้และร้านอาหารและผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมยิ่งขึ้น พร้อมให้ไปหาจุดสมดุลของแต่ละฝ่ายกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย