เอกชนเสนอรัฐเพิ่ม กทม.ไปในแผนเปิดประเทศ 1 ต.ค.นี้

กทม.29 มี.ค.- สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอรัฐบาล เพิ่มกรุงเทพฯ ไปในแผนเปิดประเทศ นอกจาก 5 จังหวัดท่องเที่ยว เชื่อจะช่วยเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามเป้า 6.5 ล้านคนได้ในปีนี้ พร้อมขอบคุณรัฐบาลนำร่องภูเก็ต เปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัว 1 ก.ค. นี้


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 1/2564  แม้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ ค่าดัชนีอยู่ที่ 36 ซึ่งยังต่ำกว่า 100 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการระบาดโควิดรอบใหม่  ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นไตรหน้า ผู้ประกอบการฯเชื่อมั่นว่า จะดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้เล็กน้อย ค่าดัชนีอยู่ที่ 56 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะดีกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากมีเทศกาลสำคัญ ๆ หลายเทศกาล ส่วนภาคกลางเป็นภูมิภาคที่คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวต่ำที่สุดเนื่องจากยังมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าภูมิภาคอื่น  แม้ว่าปีนี้จะหันมากระตุ้นการเดินทางในประเทศมากขึ้น แต่นักท่องเที่ยว ใช้จ่ายน้อยลง เหลือ 2,844 บาทต่อคนต่อทริป เมื่อเทียบกับปี 2562  ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 4,950 บาทต่อคนต่อทริป จึงยังไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม จึงยังต้องได้รับการสนับสนุนโครงการจากภาครัฐและพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่สำคัญ ไตรมาสนี้ คนตกงานในภาคท่องเที่ยว เกือบ 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 400,000  คน จากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ส่วนความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในการตัดสินใจไปท่องเที่ยว มองว่าหากพื้นที่ปลายทางที่จะไปท่องเที่ยว มีคนติดโควิด-19 เพียง 1 คน ร้อยละ 60 จะเปลี่ยนใจทันที่ ส่วนนโยบายเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวในต่างชาติที่ฉีดวัคซีน เห็นด้วยถึงร้อยละ 58   จึงอยากให้รัฐบาลควบคุมจังหวัดท่องเที่ยวให้การติดเชื้อเป็นศูนย์


ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ขอบคุณรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนแนวทางการเปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบแล้ว โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม นำร่องพื้นที่หวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงร้อยละ​ 89​ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง​ 420,000 ล้านบาทในปี​ 2562  โดยคาดว่าภายในครึ่งปีหลัง จะสามารถสร้างให้ภูเก็ตได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกกระจายไปยังธุรกิจ SME และชุมชนทั่วประเทศ สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท

ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มกลับมาดีขึ้น หลายโรงแรมสามารถกลับมาเปิดให้บริการ และการที่รัฐบาลนำร่องเปิดประเทศ 1 ก.ค.ในจังหวัดภูเก็ตก่อน ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้น ตามที่ภาคการท่องเที่ยวเอกชนเสนอ เชื่อว่าทุกห่วงโซ่ของการท่องเที่ยว ไม่เฉพาะโรงแรม จะได้รับประโยชน์ด้วย พร้อมเสนอแนวคิด การปรับให้สินค้าและบริการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่ ให้ความสำคัญต่อเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบ และดีต่อสุขภาพแล้ว สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งจากแนวคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น  

ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้านตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า นอกจากการนำร่องเปิดประเทศ 1 ก.ค.นี้ ที่จังหวัดภูเก็ต ในเฟสต่อไป เตรียมเสนอรัฐบาลให้พิจารณากรุงเทพมหานคร เข้าไปในแผนด้วย นอกเหนือจาก 5 จังหวัดท่องเที่ยว ภูเก็ต พัทยา กระบี่ พังงา  เชียงใหม่  เนื่องจากกรุงเทพฯมีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ใหญ่ ถึง 24 ล้านคนต่อปี ใน ปี62ที่ผ่านมา  หากเป็นไปได้ให้ทัน 1ต.ค.นี้  ตัวเลขนักท่องเที่ยว จะเป้นไปตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ คือ 6.5ล้านคน แต่หากไม่รวม กรุงเทพฯ  แต่เปิดประเทศ แค่ 5 จังหวัด จะได้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 3ล้านคน  


ด้านนายธเนศ ตันติพิริยะกิจ อุปนายก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตมีความพร้อม ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ก.ค.นี้  โดยต้องฉีดวัคซีนให้คนในเกาะ เริ่ม 1เมษายนนี้  รวม 4.9 แสนคน รวม 9.3 แสนโดส  ทั้งนี้ มีการสำรวจกับเอเจนซี่ทัวร์พบว่า แม้มีกักตัวแค่ 1วัน จะไม่เดินทางมา แต่โดยเงื่อนไขเปิดประเทศ 1 ก.ค.นี้ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องฉีดวัคซีนครบ2 โดส เข้ามาไม่ต้องกักตัว แต่อยู่ในภูเก็ตครบ7 วัน และไปจังหวัดไหนก็ได้ โดยต้องผ่ารการตรวจโควิดครั้งที่2 ก่อนเพื่อความมั่นใจ   ตัวเลขประมาณการณ์หากเปิดภูเก็ต1ก.ค.นี้ จะมีรายได้84,000 ล้านบาท หากเปิด1 ต.ค. จะมีรายได้ 55,000 ล้านบาท ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มส่งสัญญาณดี จากตัวเลข ท่าอากาศยานคนเดินทางแตะ 10,000 คน ในรอบปี ตั้งแต่โควิดระบาด ซึ่งปกติคนเดินทางเข้าภูเก็ต 60,000-100,000 คน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว

เจ๊พัชกฤษอนงค์

นำ “เจ๊พัช” ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

กองปราบหิ้ว “กฤษอนงค์” ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตำรวจค้านประกัน เจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย

พะยูนตาย

ห่วงสถานการณ์พะยูน พบตายถี่จากแหล่งหญ้าทะเลเสื่อมโทรม

“เฉลิมชัย” ห่วงสถานการณ์ “พะยูน” ซึ่งพบตายบ่อยขึ้น สั่งการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและกรมอุทยานแห่งชาติฯ เฝ้าติดตามปัญหา ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขโดยด่วน