ทำเนียบ 19 มี.ค. -ศบค. ชุดใหญ่ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เม.ย. – 31 พ.ค. 64 ให้งดเล่นสาดน้ำสงกรานต์ พร้อมเปิดเผยแผนกระจายวัคซีน และการผ่อนคลาย ลดระยะเวลากักตัวกรณีต่างชาติ เดินทางเข้าไทย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) แถลงหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า วาระสำคัญวันนี้ (19 มี.ค.) มี 5 เรื่อง อาทิ การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นคราวที่ 11 ตั้งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 เป็นเวลา 2 เดือน
ขณะเดียวกันได้ผ่อนคลายมาตรการโควิด -19 ปรับสีในพื้นที่ต่างๆ สำคัญได้แก่ สมุทรสาคร จากสีแดงเข้ม เป็นสีส้ม รวม 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ตาก และนครปฐม ส่วนจังหวัดอื่นๆ คงเดิม ทั้งนี้การปรับระดับ และผ่อนคลายต่างๆ ต้องพิจารณาหลายชั้น เพราะบางครั้งการผ่อนคลาย อาจนำมาซึ่งการสุ่มเสี่ยง
นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบการกระจายวัคซีน ในระยะที่ 1 คือ ตั้งแต่ 1 เมษายน- 30 มิถุนายน ซึ่งจะมีซิโนแวค 2 ล้านโดส ซึ่งตอนนี้มาแล้ว 2 แสนโดส พรุ่งนี้ (20 มี.ค.) มาอีก 8 แสนโดส โดยจะกระจายไปยัง 18 จังหวัดที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ ส่วนระยะที่ 2 เดือนกรกฎาคม – 30 กันยายน จะมีแอสตราเซเนกา มาอีก 26 ล้านโดส จากนั้น 1 ตุลาคม ระยะที่ 3 จะเป็นแอสตราเซเนกา อีก 35 ล้านโดส
สำหรับการกระจายวัคซีน ระยะที่ 1 ซึ่งยังมีวัคซีนจำกัด กลุ่มเป้าหมายจะเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และบุคลากรด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน และบุคคลที่มีโรคประจำตัว (ทางเดินหายใจรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งทุกชนิด เบาหวาน โรคอ้วน และผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป )
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ภาพรวมทุกจังหวัดที่ได้รับวัคซีนกระจายได้ตามเป้าหมาย ยกเว้นกรุงเทพฯ ที่เดิมใช้หลักการกลุ่มเสี่ยงสมัครใจ ตั้งเป้า 100 คน ได้กลับมาเพียง 10 คน จึงต้องปรับเปลี่ยน แต่เชื่อจะดีขึ้น หลังคนมั่นในวัคซีน ทั้งข่าวสารจากทั่วโลก และนายกรัฐมนตรีเองในฐานะผู้นำ ก็ฉีดวัคซีนแล้ว ก็บอกว่าสบายดีไม่มีผลข้างเคียง เช่นเดียวกับตนเองก็ได้รับวัคซีนแล้วเช่นกัน
ส่วนการกระจายวัคซีนในระยะที่ 2 จำนวน 61 ล้านโดส ช่วงเดือนมิถุนายน ถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งมีวัคซีนมากขึ้น จะขยายไปยังทุกจังหวัด ในกลุ่มต่างๆ ผู้ประกอบอาชีพ ด้านการท่องเที่ยว ผู้เดินทางระหว่างประเทศ และประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่การทูต องค์กรระหว่างประเทศ และนักธุรกิจต่างชาติ ชาวต่างชาติที่มาพำนักในไทยระยะยาว รวมถึงแรงงานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตการให้บริการฉีดวัคซีน ตั้งเป้า 7 เดือน ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยกระจายในโรงพยาบาล 1,000 แห่ง ซึ่งอาจรวมถึงโรงพยาบาลทหาร และการออกบริการรถเคลื่อนที่ ไปยังจุดต่างๆ ที่มีคนจำนวนมากด้วย
โฆษก ศบค. ยังกล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันนี้ เลขาธิการ สมช. ได้เสนอต่อที่ประชุม ถึงการกักตัวผู้ที่จะเดินทางเข้าออกประเทศว่า มีตัวเลขประชาชน บางส่วนที่เดินทางเข้าออกบ่อยครั้ง ถึงปีละ 7 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งต้องกักตัว และที่ผ่านมารัฐออกค่าใช้จ่ายให้ อาจต้องมีการปรับในส่วนนี้ โดยให้ออกค่าใช้จ่ายเอง
ส่วนกรณีต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย เดิมต้องใช้ฟิตทูฟลาย และโควิดฟรี ก็จะปรับให้เหลือเพียง โควิด ฟรี เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่ 1 เมษายนนี้ และจะลดเวลากักตัว สำหรับบุคคลทั่วไปเหลือ 10 วัน จาก 14 วัน แต่ถ้าได้รับวัคซีน และมีเอกสารรับรอง จะลดเวลากักตัวเหลือเพียง 7 วัน ทั้งนี้ สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีโควิด-19 กลายพันธุ์ ยังคงให้กักตัว 14 วันเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในระหว่างเดินทางเข้าประเทศมาแล้ว และอยู่ในช่วงกักตัวก็จะเพิ่มการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ อาทิ ออกนอกห้องพักได้ ตามเวลาและเงื่อนไขของสาธารณสุข สามารถใช้ห้องฟิตเนตได้ ออกกำลังกายกลางแจ้ง และว่ายน้ำได้ รวมถึงการปั่นจักรยานในพื้นที่ปิด และยังให้ซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอกได้ ซึ่งหลังเดือนกรกฎาคมที่มีการกระจายวัคซีนมากขึ้น จะมีการผ่อนคลายเพิ่มอีก เช่น ให้รับประทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรมได้ และใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพได้ จากนั้น 1 ตุลาคม จะคงการกักตัวไว้เฉพาะบุคคลที่มาจากพื้นที่ ที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กำหนดเท่านั้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตราช่วงสงกรานต์ปีนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ให้งดเล่นสาดน้ำสงกราต์ งดประแป้ง งดจัดการแสดงคอนเสิร์ต รวมถึงปาร์ตี้โฟม แต่อนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัด และทำกิจกรรมตามประเพณีได้ เช่น รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ เป็นต้น โดยในการจัดกิจกรรม ขอให้ระมัดระวังเรื่องพื้นที่ จำนวนผู้เข้าร่วม และการดื่มสุรา รวมไปถึงใปถึงการไปจับจ่ายใช้สอยในตลาด.-สำนักข่าวไทย