มะนิลา 16 มี.ค. – กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์จะขยายคำสั่งห้ามประชาชนบางกลุ่มออกจากบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งรวมถึงเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และยังประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิมเพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักงานพัฒนากรุงมะนิลาระบุในแถลงการณ์อ้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างนายกเทศมนตรีว่า ทางการท้องถิ่นจะอนุญาตให้ชาวฟิลิปปินส์อายุ 18 – 65 ปีออกจากบ้านได้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์เริ่มผ่อนคลายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดและยาวนานในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ยังคงสั่งห้ามเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปีในกรุงมะนิลาออกจากบ้าน อย่างไรก็ดี ฟิลิปปินส์กลับพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในเดือนนี้ และเมื่อวานนี้ทำสถิติผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดถึง 5,404 คนนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมปีก่อน นอกจากนี้ ทางการยังกลับไปใช้คำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานยามวิกาลหรือเคอร์ฟิวตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ในกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 และมีประชากรกว่า 12 ล้านคน อีกทั้งยังประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติม เช่น คำสั่งห้ามดื่มสุรา และคำสั่งล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่พบอัตราผู้ป่วยติดเชื้อสูง
ในขณะเดียวกัน นายการ์ลิโต กัลเวซ ประธานคณะทำงานวางแผนฉีดวัคซีนของฟิลิปปินส์กล่าวถึงปัญหาการฉีดวัคซีนล่าช้าว่า ฟิลิปปินส์กำลังจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนเกือบ 2.4 ล้านโดสภายในต้นเดือนหน้า แบ่งเป็นวัคซีนของแอสตราเซนเนกา 979,200 โดสผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก และวัคซีนของซิโนแวก 1.4 ล้านโดส ซึ่งมี 400,000 โดสที่จีนบริจาคให้ นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ไม่มีแผนระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แม้ว่าบางประเทศในทวีปยุโรปได้ประกาศระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวหลังมีรายงานอาการข้างเคียงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนโนวาแวกซ์จำนวน 30 ล้านโดสจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียที่คาดว่าจะได้รับในช่วงไตรมาสที่สามหรือสี่ของปีนี้. -สำนักข่าวไทย