ย่างกุ้ง 15 มี.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศกฎอัยการศึกในเขตไลง์ตายาและชเว-ปยีตา ซึ่งเป็น 2 เขตที่มีประชากรหนาแน่นของนครย่างกุ้ง หลังมีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน จากเหตุเจ้าหน้าที่เมียนมาใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้
เจ้าหน้าที่เมียนมาใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมื่อวานนี้ และทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมดราว 100 คนนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐปรหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยึดอำนาจการปกครองจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและกลุ่มสิทธิมนุษยชนเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจมีมากกว่าที่รายงาน ด้านสถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนมาประกาศว่า กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตไลง์ตายาและชเว-ปยีตาของนครย่างกุ้งในช่วงค่ำวานนี้ ผู้ประกาศของสถานีโทรทัศน์กล่าวว่า รัฐบาลทหารเมียนมาให้อำนาจบริหารและอำนาจกฎอัยการศึกแก่ผู้บัญชาการภูมิภาคย่างกุ้ง เพื่อรักษาความปลอดภัย กฎหมาย และความสงบสุขอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ สองเขตดังกล่าวถือเป็นศูนย์กลางของโรงงานและเป็นที่ตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่ง
เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในเขตไลง์ตายาปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรง โดยผู้ประท้วงใช้กิ่งไม้และมีดป้องกันตัวเองในขณะที่กำลังวิ่งหนีไปหลบหลังสิ่งกีดขวางชั่วคราวบนท้องถนน นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังตัดถังขยะมาใช้เป็นโล่ป้องกันเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บในขณะที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยเปิดฉากยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วง ด้านแพทย์หญิงชาวเมียนมากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บไม่ได้ทั้งหมด และยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว 15 คน ตอนนี้เธอกำลังรักษาผู้บาดเจ็บราว 50 คน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน นางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์ว่า เธอได้ยินเรื่องราวน่าสะเทือนใจมากมายเกี่ยวกับการเข่นฆ่า การทารุณผู้ชุมนุม และการทรมานผู้ถูกคุมขังจากคนที่เธอรู้จักในเมียนมา ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นถือเป็นการทำลายโอกาสในการสร้างความสงบสุขและความมั่นคงในเมียนมาอย่างร้ายแรง.-สำนักข่าวไทย