สบส.ลงดาบ รพ.เอกชน เคสพริตตี้วาวา

สบส.12 มี.ค.-อธิบดีกรม สบส.เผยผลสอบ รพ.เอกชน ที่ให้การรักษา “พริตตี้วาวา” พบผิดเต็มๆ 2 กระทง ทั้งไร้การคัดแยกระดับความฉุกเฉินผู้ป่วยเมื่อแรกรับ และมีการจัดทำเอกสารเท็จ สั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงดาบตามกฎหมายสถานพยาบาลทันที


จากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมมารดาของพริตตี้ วาวา เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตจตุจักร มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจนเป็นเหตุให้เกิดการรักษาล่าช้าและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตนั้น

วันนี้ (12 มี.ค.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เมื่อกรม สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ตนก็ได้มอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ไขข้อกระจ่างเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายทันที ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ฯก็ได้ดำเนินการตรวจเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียนอย่างรัดกุม พร้อมเรียกทางฝั่งโรงพยาบาลเอกชน และญาติผู้เสียชีวิตมาให้ถ้อยคำ และนำข้อมูลที่ได้เสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมพิจารณา เมื่อบ่ายวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา


ซึ่งหลังจากคณะกรรมการได้ดำเนินการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับอย่างถี่ถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีมติว่าโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวมีการกระทำผิดจริง จึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กับโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ใน 2 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ความผิดตามมาตรา 36 เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุคือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สถานพยาบาลไม่มีการคัดแยกผู้ป่วยว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) ในระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วย (UCEP) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นเหตุให้เกิดการคิดค่าบริการในขณะที่ให้บริการ ซึ่งเป็นที่มาของการร้องเรียนการรักษาพยาบาลที่ล่าช้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.ความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ตามมาตรา 73 เนื่องจากในใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลมีการเรียกเก็บค่าอาหารจากผู้ป่วยเป็นจำนวนเงิน 400 บาท โดยที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการ จึงถือว่าเป็นการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ฯจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการปฏิเสธหรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจน ยิ่งในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ที่จะมีการเคลื่อนย้ายของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัวระหว่างเดินทางเพิ่มมากขึ้น ตนได้กำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ มีการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของโรงพยาบาลเอกชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่บนเส้นทางหลักที่มีการสัญจรคับคั่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่าเมื่อประสบเหตุฉุกเฉินตนและครอบครัวจะได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานอย่างแน่นอน และหากประชาชนพบว่าสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ให้แจ้งได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนร้ายลอบวางระเบิด 2 พ่อลูก ครู ตชด. เสียชีวิต

คนร้ายลอบวางระเบิด ถนนศรีสาคร-จะแนะ จ.นราธิวาส รถกระบะของครูใหญ่โรงเรียน ตชด. และลูกชาย ขับผ่านมา พลิกคว่ำหลายตลบ ก่อนบุกมาจ่อยิงซ้ำจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เชื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หวังสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วนในพื้นที่

“ตระกูลม่วงศิริ” ยกทีมซบพรรคเพื่อไทย

“ตระกูลม่วงศิริ” ยกทีมซบพรรคเพื่อไทย ด้าน “ธีรรัตน์” ต้อนรับกลับบ้านเก่า มองเป็นเรื่องน่ายินดีช่วยทำงานให้สำเร็จ ขณะที่ สก.ปชป.-ไทยสร้างไทย มาด้วย

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้

“แพทองธาร” นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้ ติดตามโครงการพัฒนาพื้นที่ พบนักเรียน ประชาชน ร่วมมหกรรมแก้หนี้, พูดคุยผู้นำศาสนา-ผู้ประกอบการประมง-เร่งโครงการก่อสร้างสะพาน, ขุดลอกคลอง, โครงการเงินกู้ซอฟต์โลน

นายกฯ เรียกรัฐมนตรี-คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ประชุมกรอบงบฯ 69

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก 3 รมต.คลัง-ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ หารือสรุปทิศทางการทำงบประมาณปี 69 มั่นใจใช้งบที่มาจากภาษีประชาชน แก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศได้ตรงจุด