กรุงเทพฯ 24 ก.พ.-โฆษกคลัง เผยความคืบหน้าโครงการ “เราชนะ” ล่าสุดเตรียมโอนวงเงินสิทธิงวดใหม่ให้แก่ประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและยืนยันการใช้สิทธิ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าว่ากระทรวงการคลังจะมีการโอนวงเงินสิทธิ งวดที่ 2 จำนวน 1,000 บาท ให้แก่ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิโครงการเราชนะ (โครงการฯ) ในวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 และจะมีการโอนวงเงินสิทธิงวดที่ 4 จำนวน 675 หรือ 700 บาท ให้แก่ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีการปิดระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และได้ดำเนินการปรับปรุงระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลา 11.00 น. ซึ่งประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิได้ตามปกติแล้ว
โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการฯ ที่กำหนดให้รับชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการโดยตรงจากประชาชนตามราคาสุทธิของสินค้าและ/หรือบริการนั้นๆ และมีการซื้อ-ขายสินค้าหรือรับบริการกันจริงโดยไม่เป็นการดำเนินการผ่านคนกลาง หากตรวจสอบพบว่า มีผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการรายย่อยกระทำผิดเงื่อนไขดังกล่าว กระทรวงการคลังจะดำเนินการระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันทีและจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อย รวมถึงประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่ “สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400” หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) “wewin@fpo.go.th” และหากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการเกินควรของผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 1569 หรือแจ้งข้อมูลของผู้ร้องเรียน พร้อมหลักฐานในการร้องเรียน รวมถึงช่องทางติดต่อกลับของท่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ 1569@dlt.go.th หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไข กระทรวงการคลังจะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 มีดังนี้ ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบันแล้ว จำนวน 1.3 ล้านคน สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 23,935.0 ล้านบาท สำหรับประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 15.4 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 19,637.1 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 29.1 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 43,572.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 1.1 ล้านกิจการ โดยจังหวัดที่มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ ตามลำดับ .-สำนักข่าวไทย