กระทรวงการคลัง 23 ก.พ.-กระทรวงการคลังประสานกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบร้านค้าร่วมโครงการ “เราชนะ” หากพบขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน จะตัดสิทธิ์ร่วมโครงการ งดจ่ายเงินและดำเนินการตามกฎหมายทันที
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการรายย่อยที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการเกินควร ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่กวดขันไม่ให้ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการรายย่อยขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค
ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวสามารถแจ้งร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 1569 หรือแจ้งข้อมูลของผู้ร้องเรียน พร้อมหลักฐานในการร้องเรียน รวมถึงช่องทางติดต่อกลับของท่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ 1569@dlt.go.th หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง กระทรวงการคลังจะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการเปิดจุดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ณ สาขาและจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ ว่าตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนแล้วจำนวน 995,349 คน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติในวันที่ 4 มีนาคม 2564 และจะได้รับวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 5 มีนาคม 2564 และกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติในวันที่ 15 มีนาคม 2564 และจะได้รับวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 19 มีนาคม 2564
สำหรับข้อมูลความคืบหน้าของการเข้าร่วมโครงการฯ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา จำนวน 23,457.9 ล้านบาท สำหรับประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com เป็นผู้ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 15.1 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา จำนวน 18,064.5 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิ์โครงการฯ จำนวน 28.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 41,522.4 ล้านบาท
จังหวัดที่มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ ตามลำดับ ผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนมากกว่า 1.08 ล้านกิจการ.-สำนักข่าวไทย