ลงทะเบียน “เราชนะ” ที่ ธ.ก.ส.-ออมสิน วันแรกไม่คึกคัก

กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – ลงทะเบียนเราชนะ ที่ ธ.ก.ส.-ออมสิน วันแรกไม่คึกคัก ผู้ลงทะเบียนบางตา ขณะที่กรุงไทย คนไปสแกนใบหน้าจนล้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พบปัญหาความแออัดในการลงทะเบียนโครงการเราชนะ สำหรับกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน-กลุ่มเปราะบาง ที่ธนาคารกรุงไทยในหลายสาขาทั่วประเทศ กระทรวงการคลัง จึงขยายเวลาการลงทะเบียนจากเดิมถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็น 5 มีนาคม พร้อมทั้งขยายจุดลงทะเบียนไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส) และธนาคารออมสิน ทุกสาขาทั่วประเทศ เริ่มวันนี้เป็นวันแรก

บรรยากาศที่ ธ.ก.ส. สาขาย่อยตลาดวงศกร ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนเดินทางมาลงทะเบียนบางตา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่เดินทางมาเองไม่ไหว ต้องให้ลูกหลานพามา เช่น นางน้ำค้าง เกตุพุด อายุ 96 ปี ที่วันนี้มีลูกสาวมาลงทะเบียนรับเงิน 7,000 บาท นางสุมาลี เกตุพุต ลูกสาวเผยว่า หลังทราบว่า สามารถลงทะเบียนเราชนะได้ที่ ธ.ก.ส. ก็พาแม่มาที่ ธ.ก.ส.มาตั้งแต่เช้า คนไม่เยอะ จึงใช้เวลาไม่นานก็ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ดูแลเป็นอย่างดี


เช่นเดียวกับนางพเยาว์ เชาว์มั่นคง อายุ 79 ปี ชาวตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่บอกว่า ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แต่เพิ่งจะให้ลูกสาวพามาลงทะเบียน เพราะก่อนหน้านี้เห็นข่าวว่าที่ธนาคารกรุงไทยคิวยาวมาก ตนขาไม่ดี ยืนนานไม่ได้ และต้องใช้ไม่เท้าพยุง จึงรอให้คนอื่นๆ ลงทะเบียนไปก่อน ตอนแรกจึงจะไปลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทย แต่พอไปถึงเห็นคนเยอะ คิวยาว และมีคนมาบอกว่าให้ไปที่ธนาคาร ธ.ก.ส. ซึ่งอยูไม่ไกลกัน ก็เลยเดินมา นั่งรอไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงคิวลงทะเบียน

ส่วนที่ธนาคารออมสิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ก็มีประชาชนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนทยอยเดินทางมาลงทะเบียน ทำให้คิวไม่แน่น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 10.00 น. มีผู้มาลงทะเบียนเราชนะ 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เดินทางมาเองไม่ไหว ต้องอาศัยลูกหลานพามา สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไปลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทยตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

โดยหลังการรับลงทะเบียนเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.จะบันทึกข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน และถ่ายรูปผู้มาลงทะเบียน แล้วส่งข้อมูลดังกล่าวให้ธนาคารกรุงไทย คัดกรองอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อผ่านสิทธิ์แล้ว จะได้วงเงินเข้าบัตรเป็นรายสัปดาห์ทุกวันศุกร์ เริ่มโอนเงินวันที่ 5 มี.ค. และวงเงินที่ได้รับครั้งแรกจะได้รับ 4,000 บาท โดยวงเงินที่ได้รับสามารถสะสมได้ และใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 64


ส่วนที่ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดวงศกร เขตสายไหม กทม. พบว่ามีประชาชนจำนวนมากมานั่งรอที่บริเวณด้านหน้าและด้านข้างธนาคาร จากการสอบถามทราบว่า เกือบทั้งหมด เป็นผู้ที่ “ได้รับสิทธิ” ในโครงการเราชนะ จากการลงทะเบียนบนสมาร์ทโฟน แต่มีปัญหา สแกนใบหน้ายืนยันตัวตน ในแอปพลิเคชั่นเป๋าตังไม่สำเร็จ จึงเดินทางมาที่ธนาคารเพื่อให้เจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยดำเนินการให้ เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 7,000 บาท . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง