กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – ศาลแขวงพระนครใต้ พิพากษา จำคุก “ดีเจมะตูม” 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี คุมประพฤติทุก 3 เดือน
นายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูม พร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่โรงแรมหรูย่านสาทร เมื่อวันที่ 9 มกราคม และเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อหลายคน
หลังให้ปากคำนานร่วม 45 นาที เจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาได้ขอโทษสังคมไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากความประมาทของตน ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดในชีวิต อนาคตต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติให้มากกว่านี้ พร้อมขอโทษตำรวจที่ใช้เวลาร่วมเดือนในการรวบรวมพยานหลักฐาน และขอโทษสื่อมวลชนที่ตามสอบถามอาการมาตลอด ตนยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตอนนี้กักตัวครบกำหนด และผลการตรวจออกมาเป็นลบ 2 ครั้ง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม
ด้าน พ.ต.ท.อดิศร รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า ดีเจมะตูมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี สารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการตามกฎหมาย
ต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 นำตัวดีเจมะตูมยื่นฟ้องด้วยวาจา ต่อศาลแขวงพระนครใต้ สรุปความว่า ระหว่างวันที่ 9 มกราคม 64 เวลากลางคืน ถึง 10 มกราคม 64 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน ซึ่งอยู่ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับอยู่ จำเลย กับนายพรศักดิ์ อัจฉริยะประดิษฐ์, นายจารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์, นายกิตติ์ธเนศ บุญยชัยธนรัตน์, น.ส.ชุติมา สินวิโรจน์, นายกษิภัท ถิระวรรณธร กับ น.ส.จิราภรณ์ มหาวัตร และพวกอีก 27 คน ซึ่งหลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกินเลี้ยงฉลองวันเกิดของจำเลย ที่บริเวณห้องพักโรงแรมบันยันทรี ย่านสาทร อันเป็นการรวมกลุ่มกันของคนจำนวนมากถึง 34 คน มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้การควบคุมสติลดลง ไม่มีการรักษาระยะห่าง และไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย อันเป็นการร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัดในเขตพื้นที่ที่ได้มีการประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ แต่ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสิ้น 9 คน รวมทั้งตัวจำเลย แต่คณะผู้สอบสวนโรค สำนักอนามัย ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้ติดเชื้อทั้งหมด เนื่องจากเป็นความลับตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนัก เพื่อให้เข็ดหลาบ
ล่าสุดศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 มาตรา 9, 18 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย โดยต้องมารายตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้งในกำหนด 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในสถานที่แออัดในลักษณะเช่นเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ภายในกำหนด 3 เดือน.-สำนักข่าวไทย