รัฐสภา 18 ก.พ.- “ศักดิ์สยาม” แจงปมรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยืนยันทำตามระเบียบ กฎหมาย ย้อนถาม “จิรายุ” เอื้อประโยชน์ให้ใคร ยังไม่เปิดซองประมูล
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี วงเงิน 1.28 แสนล้านบาท โจมตีการทำหน้าที่ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง เอื้อให้กับกลุ่มทุนในลักษณะแบ่งงานกันทำ มีเจตนาซ่อนเร่น เปิดประมูลให้เอกชนมายื่นซอง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อคัดเลือกเอกชน แต่กลับพบว่า มีการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเจรจา โดยบริษัทอิตาเลี่ยน ไทย ทำหนังสือทักท้วงต่อ รฟม. เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ว่า คณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ดำเนินการไม่ถูกต้อง
นายจิรายุ กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 มีการเรียกประชุมวันที่ 21 สิงหาคม 63 โดยมีวาระพิจารณาแก้ไขเงื่อนไขในการเปิดประมูล ซึ่งมีคณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ทั้ง 8 คน ผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม และบริษัทที่ปรึกษา ร่วมประชุม โดยมีการเชิญนายภคพงษ์ ศิริกันธรมาศ ผู้ว่า รฟม.มาร่วมประชุมด้วย และได้เสนอความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขตามที่บริษัทอิตาเลี่ยนไทย เสนอ โดยให้แก้ไขเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกให้เปิดซองเอาเรื่องเทคนิคและผลประโยชน์มารวมกัน ทั้งๆ ที่มีการทักท้วงจากตัวแทนสำนักงบประมาณในที่ประชุมว่า จะขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือไม่ หรืออาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายอื่นหรือไม่ ก่อนที่จะมีถกเถียงกันจนที่ประชุมได้ข้อสรุปให้มีมติแก้ไขหลักเกณฑ์ ยกเว้นผู้แทนจากสำนักงบประมาณมี่สงวนคำคัดค้าน และต่อมามีการออกประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์ผ่านทางเว็บไซด์
“มีการจัดโปรพิเศษ 16 วันทันใจนาย เดิมพันที่ผลประโยชน์และตำแหน่ง ทำด้วยทฤษฎีสมคบคิด แบ่งงานกันทำ และมีเจตนาพิเศษ และนัดวันดีเดย์ ยกพลขึ้นบก วันที่ 21 สิงหาคม 63 ใช้เวลาไม่กี่วัน”นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า หลังจากนั้น บีทีเอสมีการร้องศาลปกครองกลาง และศาลมีคำสั่งหยุดการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ และในระหว่างนั้น ทาง รฟม.ไปยื่นอุทธรณ์ และมีการเรียกประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 อีกครั้ง ก่อนมีมติล้มประมูล โดยอ้างเทคนิคทางกฏหมายที่ระบุไว้ว่า ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก
นายจิรายุ ระบุว่า มีตัวแปรสำคัญ คือ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษา ที่ให้ความเห็นในที่ประชุมในวันที่ 21 ส.ค. ว่าควรเปลี่ยนหลักเกณฑ์ หลังจากวันนั้นตัดสินใจลาออกจากที่ปรึกษา และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการใหญ่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย คุมสายงานวิศวกรรมก่อสร้าง ซึ่งมีผลงานที่เข้าตา คือโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมบุรีรัมย์
นายจิรายุ จึงตั้งข้อสังเกตว่า การคณะกรรมการมาตรา 36 ล้มประมูล 3 ก.พ.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรือมีการสมคิดกันเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่า กรณีคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 มีการปรับเกณฑ์การพิจารรณาคัดเลือกให้เปิดซองเทคนิคและผลประโยชน์รวมกัน เนื่องจากนำผลกระทบในโครงการที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์พิจาณา และรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีการเชื่อมพื้นที่เมืองเก่า เทคนิคการก่อสร้างจึงมีความสำคัญในการพิจารณาประเมินข้อเสนอ
นายศักดิ์สยาม ระบุว่า การที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 มีความเห็นว่า การยกเลิกประกาศเชิญชวนและคัดเลือกเอกชน และเริ่มคัดเลือกครั้งใหม่จะเป็นแนวทางที่สามารถกำหนดกรอบเวลาแล้วเสร็จให้ชัดเจนและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ โดยระยะเวลาในการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ใช้เวลาอีกแค่ 6 เดือน ก่อนที่จะนำไปสู่การคัดเลือกและเจรจาต่อรองกับผู้ได้รับการคัดเลือก จะทำให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก เปิดเดินรถ ต.ค.67 และฝั่งตะวันตก เปิดเดินรถ เม.ย. 70 ตามกำหนด
ส่วนข้อกล่าวที่ระบุว่า ตนเองเอื้อประโยชน์นั้น นายศักดิ์สยามตั้งคำถามในที่ประชุมว่า ตนเองเอื้อประโยชน์ให้กับใคร และใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์ และทำกฏหมายตรงไหน ซึ่งโครงการนี้ยังไม่มีการตัดสินว่าใครชนะการประกวดราคา ยังไม่มีการเปิดซองประมูล ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมดำเนินการตามกฎหมายและตามอำนาจหน้าที่ และนายกรัฐมนตรี สั่งการเรื่องนี้มาตลอด.-สำนักข่าวไทย