กทม. 18 ก.พ.-โฆษกรัฐบาล เผยเงินโครงการ “เราชนะ” ก้อนแรก 2,000 บาท โอนเข้าแอป “เป๋าตัง” และผู้ลงทะเบียนเว็บไซต์ “เราชนะ” เรียบร้อยแล้ว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มผู้รับสิทธิ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” คือกลุ่มผู้ลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง” และโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และกลุ่มผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “เราชนะ” (www.เราชนะ.com) ได้รับวงเงินงวดแรก จำนวน 2,000 บาท จากโครงการ “เราชนะ” ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพจำนวน 7,000 บาท ให้กับประชาชน ซึ่งประชาชนที่ได้สิทธิสามารถนำไปใช้จ่ายที่ร้านธงฟ้าที่มีเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ร้านถุงเงินธงฟ้า ร้านค้าคนละครึ่ง และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเราชนะได้ นอกจากนี้ยังมีการขยายสิทธิให้สามารถใช้ได้กับระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถแท็กซี่ รถตู้โดยสารประจำทาง สามล้อเครื่อง (ตุ๊กตุ๊ก) รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถสองแถว รถเมล์ ขสมก. รถทัวร์ บขส. รถไฟฟ้า รวมทั้งบริการในกลุ่มสุขภาพและความงาม เช่น ร้านนวด สปา ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย รวมถึงบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ เช่น สถานพยาบาลที่ไม่รับผู้ป่วยค้างคืน (คลินิก) แพทย์แผนจีน คลินิกรักษาทางการแพทย์อื่นๆ รวมถึงงานรับเหมา งานช่างและงานทำความสะอาด ได้แก่ งานก่อสร้างขนาดเล็ก บริการทำสวน ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ซักรีด ซ่อมรถยนต์ จักรยานยนต์และจักรยาน ซ่อมประปา ไฟฟ้า แอร์ และบริการที่พัก เช่น หอพัก อพาร์ตเมน9N แฟลต และไม่ใช่นิติบุคคลที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ซึ่งไม่จำกัดยอดใช้จ่ายและสามารถสะสมวงเงินได้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยมีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนร่วมโครงการเราชนะแล้วกว่าเกือบ 1 ล้านราย
นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์การโอนเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิโครงการเราชนะในกลุ่มต่างๆ นั้น กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับวงเงินแล้วเมื่อวันที่ 5 และ 12 ก.พ. และจะได้รับวงเงินอีกครั้ง ครั้งละ 675 หรือ 700 บาท ในวันที่ 19 และ 25 ก.พ. และ 5, 12, 19, 26 มีนาคม กลุ่มผู้มีสิทธิที่เคยลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง” และโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และกลุ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “เราชนะ” ได้รับเงินงวดแรก จำนวน 2,000 บาทในวันนี้ (18 ก.พ.) และจะได้รับเงินอีกครั้งละ 1,000 บาท ในวันที่ 25 ก.พ. และ 4, 11, 18, 25 มีนาคม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า โครงการ “เราชนะ” เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะออกมาตรการในลักษณะ “ไฮบริด” คือ ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชน พร้อมๆ กับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในเวลาเดียวกัน ซึ่งผู้ประกอบรายย่อย ได้แก่ พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย และผู้ประกอบการอิสระต่างๆที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทฯ ห้าง/ร้านแบบนิติบุคคล จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ได้รับสิทธิในครั้งนี้ รวมทั้งการโอนเงินตรงให้แก่ผู้รับสิทธิผ่านระบบแอปพลิเคชั่น เป็นการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับการบริหารงบประมาณแผ่นดินให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด และเป็นส่วนหนึ่งของการให้ประชาชนได้มีคุ้นเคยกับการนำไปสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคตอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย