ลพบุรี 27 ม.ค. – จ.ลพบุรี พบผู้สูงอายุอีก 10 ราย ถูกกรมบัญชีกลางส่งหนังสือเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุพร้อมดอกเบี้ย เนื่องจากเป็นการรับซ้ำซ้อนจากกรณีบุตร สามีที่รับราชการแล้วเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่
จ.ลพบุรี มีผู้สูงอายุถูกเรียกเงินคืนเช่นกัน วันนี้นายกเทศมนตรีตำบลท่าแค อ.เมืองลพบุรี ลงพื้นที่บ้านนางลำไย บุญยัง อายุ 79 ปี หนึ่งในผู้สูงอายุ ที่ถูกเรียกเงินคืนเป็นเวลา 19 ปี หลังกรมบัญชีกลางส่งหนังสือขอรับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย เนื่องจากเป็นการรับเงินซ้ำซ้อนจากกรณีบุตร สามี ที่รับราชการแล้วเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ พบว่าในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค มีอยู่จำนวน 10 ราย และหลังจากมีการทวงเงินคืน กรณีนางลำไยได้คืนให้ทั้งหมดรวม 72,200 บาท มีผู้สูงอายุที่ผ่อนชำระเงินคืนให้กับทางกรมบัญชีกลางที่มียอดชำระที่ต่างกัน ตั้งแต่รายละ 40,000-90,000 บาท และรอให้ศาลสั่งอีก 2 ราย
นางแสง สุขคุ้ม อายุ 98 ปี เป็น 1 ใน 2 คนที่ได้รับหมายศาลเรียกรับเงินคืน 96,321.73 บาท ด้านลูกสาวเปิดเผยว่า แม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนละ 300 บาท จนปัจจุบันได้รับเดือนละ 1,000 บาท รวมแล้ว 38 ปี ซึ่งที่ผ่านมาแม่ก็ได้รับเงินบำนาญตกทอดมาจากลูกชายที่เป็นอดีตข้าราชการทหารแล้วเสียชีวิต เดือนละ 10,000 บาท โดยในช่วงที่มีเจ้าหน้าที่มาสำรวจในการรับเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ไม่เข้าใจในเรื่องการรับเงินจากภาครัฐซ้ำซ้อนก็ตอบรับไป ทั้งนี้ คงจะต้องรอดูว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะจ่ายคืนหรือไม่ แต่ถ้าตอนนี้จะฟ้องก็คงต้องปล่อยให้ฟ้องไป แล้วแต่ว่าศาลจะสั่งดำเนินการอย่างไร ซึ่งเงินที่จะต้องจ่ายคืนก็เกือบแสนบาท ลูกๆ ของแม่ล้วนก็มีภาระหนี้สินกัน
ด้านนายกเทศมนตรีตำบลท่าแคจะเร่งทำความเข้าใจหาแนวทางช่วยเหลือและดำเนินการตามระเบียบ เรื่องการเรียกเงินคืน มีผู้ที่ผ่อนคืนเป็นรายเดือน ในเวลา 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ย อีก 2 รายที่อยู่ระหว่างเจรจาที่ศาล ซึ่งการเรียกคืนหรือผ่อนชำระ จะไม่ให้มีผลกระทบกับชาวบ้าน และเทศบาลตำบลท่าแคพร้อมจะช่วยหาทางออกให้ผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไว้แล้ว
ล่าสุดทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเรื่องปัญหาการเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุที่ซ้ำซ้อน โดยผู้สูงอายุไม่มีสิทธิได้รับเงินนั้น เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
กรณีนี้ถือเป็นเรื่องลาภมิควรได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 306-319 ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับ เนื่องจากซ้ำซ้อนกับเบี้ยชนิดอื่นที่ผู้สูงอายุได้รับไปแล้ว
กรณีนี้ถือว่าเงินจำนวนที่รัฐจ่ายให้ผู้สูงอายุโดยผิดหลงไป เป็นเงินที่ผู้สูงอายุได้รับไปโดยไม่มีมูลอันจะอ้างตามกฎหมายได้ จึงถือเป็นลาภมิควรได้ ตามมาตรา 406 เมื่อปรากฏว่าผู้สูงอายุได้รับเงินนั้นมาโดยสุจริต และได้ใช้จ่ายไปหมดแล้วก่อนที่รัฐจะเรียกคืน ผู้สูงอายุนั้นจึงไม่ต้องคืนเงินนั้น ตามมาตรา 412 (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 10850/2559)
สิ่งที่รัฐต้องดำเนินการในส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จ่ายเงินเบี้ยคนชราโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดหลง ก็คือต้องตั้งกรรมการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดแก่เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้สูงอายุ หากได้ความว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นก็ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวและชดใช้เงินคืนแก่รัฐตามสัดส่วนที่หน่วยงานนั้นเสนอความเห็น และกรมบัญชีกลางเห็นชอบด้วย.-สำนักข่าวไทย