ทำเนียบรัฐบาล 15 ม.ค.-“อนุทิน” ยอมเป็นหนูทดลองรับวัคซีนโควิด-19 คนแรก ยืนยันความพร้อมรับมือโควิด-19 สามารถสอบสวนโรคและติดตามผู้ใกล้ชิดได้ทั้งหมด มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมรับมือชายแดน ขออย่าลักลอบเข้ามา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลัง นายอะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เข้าพบว่า เป็นการมาเยี่ยมเยือนในฐานะมิตรประเทศ และพูดคุยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปากีสถาน ที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมถึงแลกเปลี่ยนด้านสาธารณสุข และการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้การท่องเที่ยวยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็เตรียมความพร้อมไว้ทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกัน ปากีสถานยินดีจะให้ visa on arrival สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่จะเดินทางไปเที่ยวปากีสถาน หากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไป หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
นายอนุทิน กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ว่า พยายามตรวจค้นหาเชิงรุกตลอดเวลา ซึ่งภายใต้การควบคุมการติดเชื้อทุกกลุ่มก้อน ยังสามารถติดตามต้นตอได้ และยังสามารถสอบสวนโรค รวมถึงติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดได้ทั้งหมด ตลอดจนความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เวชภัณฑ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์รักษา ก็มีความพร้อม จึงขอให้ทุกคนมั่นใจ ทั้งนี้ประชาชนก็ยังต้องระมัดระวังตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก นายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่ไปดูความพร้อมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็มีความมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่มีความตั้งใจ และมีการวางแผนที่ดี เพราะ อ.แม่สอด ถือเป็นด่านสำคัญ ที่แรงงานต่างด้าว และคนไทยที่ไปทำงานที่เมียนมาจะเดินทางเข้ามา นอกจากนี้ ได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานไทยที่เดินทางกลับเข้ามาจากเมียนมาแล้วติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอดด้วย โดยมีห้องความดันลบแยกรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างดี และได้ฝากให้แจ้งกับเพื่อนแรงงานในเมียนมาว่า อย่าลักลอบเดินทางเข้ามา ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เดินทางเข้ามาได้ แต่ขอความร่วมมือให้เดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง ไม่ต้องกลัวว่า จะถูกกักตัว 14 วัน ดีกว่าหลบหนีแล้วนำเชื้อไปแพร่ให้กับคนอื่น ซึ่งประสิทธิภาพในการคัดกรอง หาสถานที่ state quarantine ที่แม่สอดมีความพร้อมเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาคือ หลายคนไม่อยากจะกักตัว 14 วัน
นายอนุทิน ย้ำว่า จะขอเป็นผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นคนแรกเหมือนเดิม ตามที่เคยยืนยันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งวัคซีนสำหรับการป้องกันโควิด-19 ที่มีอยู่ในโลกนี้ มีการพิสูจน์และยืนยันแล้วว่า วัคซีนทุกตัวจะไม่ทำให้โรคโควิด- 19 พัฒนาไปสู่อาการที่รุนแรง ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต หากได้รับวัคซีนแล้ว โรคก็จะทุเลาลง ต่อให้มีการติดเชื้อบ้าง เชื่อว่าในอนาคตก็ต้องมีการปรับปรุงและมีการพัฒนาให้มีประสิทธิผลที่มากขึ้น ดังนั้น ทางการแพทย์ ยังมั่นใจว่า จะต้องมุ่งเน้นการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้มากที่สุด โดยช่วงบ่ายวันนี้ (15 ม.ค.) นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 จะนำความคืบหน้าการจัดระเบียบแบ่งกลุ่ม จัดลำดับการฉีดวัคซีน เข้ารายงานนายกรัฐมนตรีด้วย.-สำนักข่าวไทย