กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-ตำรวจยังไม่สรุปผลนำตัว “ลุงพล-ป้าแต๋น” เข้าเครื่องจับเท็จเมื่อวานนี้ ต้องนำไปวิเคราะห์ตรวจสอบความผิดปกติก่อน ยืนยันไม่เคยระบุว่าใครเป็นคนร้าย คดีมีอายุความ 20 ปี
หลังจากที่เมื่อวานนี้ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ได้เชิญตัวนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล อายุ 44 ปี และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น อายุ 41 ปี ลุงเขยและป้าของน้องชมพู่ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมนำเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์คำให้การคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก จังหวัดมุกดาหาร และพบว่าไปเสียชีวิตบนภูเขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กม. เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยใช้เวลาสอบสวนทั้งหมดอยู่นานกว่า 6 ชั่วโมง
ตำรวจชุดสืบสวนที่คลี่คลายคดีนี้ เปิดเผยว่า ยังสรุปไม่ได้ทันทีว่าผลจากการเข้าเครื่องจับเท็จเป็นอย่างไร เนื่องจากหลังเข้ากระบวนการแล้ว ต้องนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญว่ามีคำถามใดที่ถามผู้ที่สอบปากคำไปแล้วพบความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาตรวจสอบระยะหนึ่ง อีกทั้งการใช้เครื่องจับเท็จ ก็ไม่ได้มีแค่ลุงพลกับป้าแต๋นเท่านั้น ยังมีพยานปากอื่นๆ ที่เรียกมาสอบปากคำเพิ่มและเข้าสู่กระบวนการนี้ และหากมีใครที่เห็นสมควรเรียกสอบสวนเพิ่ม ก็จะทยอยเชิญตัวมาอีก ส่วนคำถามที่ใช้ในการสอบสวนเพิ่มเติมมาจากคำให้การของพยานรายนั้นๆ เพื่อดูว่าคำให้การที่เคยให้ไว้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่เริ่มการคลี่คลายคดีนี้ ชุดทำงานไม่เคยสรุปว่าใครเป็นคนร้าย เพียงแต่จากข้อจำกัดในสถานที่เกิดเหตุ และพฤติการณ์ทางคดี จึงจำกัดวงการสอบสวนไว้ที่คนใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต เพราะสันนิษฐานว่าคนที่จะพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเขาได้โดยที่เด็กไม่ต่อต้าน สมควรเป็นคนใกล้ตัวที่เข้าถึงน้องชมพู่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าจะไม่มีโอกาสเป็นบุคคลภายนอกเช่นกัน นอกจากนี้การจะดำเนินคดีกับใครนั้น ยังต้องมีหลักฐานอื่นประกอบ ซึ่งยังมีหลักฐานบางอย่างที่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบเชิงลึก ยืนยันว่าการทำงานของตำรวจ เป็นการพิสูจน์ทุกประเด็นให้สิ้นข้อสงสัย และคดีนี้ก็เป็นคดีอาญาที่มีอายุความถึง 20 ปี
อย่างไรก็ตาม พยานเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จนี้แล้ว 7 คน ประกอบด้วย น้องสะดิ้ง พี่สาว, นายอนามัย และนางสาวิตรี พ่อและแม่ของน้องชมพู่, นางจุไรภรณ์ หรือน้าต่าย, นายเสริม น้าเขยของน้องชมพู่, นายนรินทร์ หรือน้าแต และนางสาวสายฝน หรือฝน แต่ละคนใช้เวลาเข้าเครื่องจับเท็จเฉลี่ยคนละ 1-3 ชั่วโมง ส่วนป้าแต๋น ใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง และลุงพลใช้เวลานานที่สุดประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง เป็นการตอบข้อซักถามว่าใช่หรือไม่ใช่ โดยมีนักจิตวิทยาร่วมวิเคราะห์ระหว่างการสอบสวน.-สำนักข่าวไทย