กรุงเทพฯ 15 ธ.ค.-ป.ป.ส.เปิดผลตรวจของกลางจากโกดังใน จ.ฉะเชิงเทรา รวม 12,449 กิโลกรัม เจอเคตามีน 1.2 กรัม
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.แถลงสรุปผลการตรวจพิสูจน์วัตถุของกลางในคดีที่มีการจับยึดวัตถุของกลางบรรจุกระสอบ จำนวน 493 กระสอบ น้ำหนักรวม 12,449 กิโลกรัม ในบริเวณโกดังเก็บของ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา
นายวิชัย เปิดเผยว่า จากผลการตรวจสอบ พิสูจน์ร่วมวัตถุของกลางจากโกดัง บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จาก 3หน่วยงาน คือ ป.ป.ส., กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แบ่งออกได้เป็น 4 จุด
จุดที่ 1 มี 66 กระสอบ 1,664 กิโลกรัม ผลสรุปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดเป็น สารไตรโซเดียมฟอสเฟต
จุดที่ 2 มี 200 กระสอบ 5,109 กิโลกรัม ผลสรุปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดเป็น สารไตรโซเดียมฟอสเฟต
จุดที่ 3 มี 200 กระสอบ 5,020 กิโลกรัม ผลสรุปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดเป็น สารไตรโซเดียมฟอสเฟต
และจุดที่ 4 มี 27 กระสอบ 656 กิโลกรัม ในจุดนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 15 กระสอบ 355 กิโลกรัม ผลสรุปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดเป็น สารไตรโซเดียมฟอสเฟต
ส่วนที่ 2 มี 12 กระสอบ 301 กิโลกรัม ผลสรุปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดเป็น สารแคลเซียมคาร์บอเนต และตรวจพบว่าในส่วนนี้มีการปนเปื้อของสาร เคตามีน รวมทั้งหมด 1.2 กรัม
ในทางสืบสวน พบว่ารูปแบบทางกายภาพของสารทั้ง 2 ชนิดและเคตามีนมีลักษณะใกล้เคียงกัน ผู้ค้าจึงเลือกใช้วิธีการอำพรางในลักษณะเช่นนี้มาใช้ จากการข่าวที่ทางการไต้หวันแจ้งมายัง ป.ป.ส.พบสารเคตามีน 300 กิโลกรัม ปะปนมากับสารเคมีทั้ง 2 ชนิด ซึ่งลักษณะที่พบในไทยจากข้อมูลที่มีเชื่อว่าผู้ค้าได้สลับสับเปลี่ยนถุงที่ใส่เคตามีน มาใส่ในถุงแคลเซียมคาร์บอเนต และนำหนีออกไป ก่อนส่งถุงที่ ป.ป.ส.พบสารปนเปื้อนกลับมา
จากการตรวจสอบสารทั้งสองตัวไม่ถือว่าเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตสารเสพติด เนื่องจากยังไม่เคยตรวจเจอการประมวลผลของสารทั้งสองชนิดในยาเสพติดชนิดอื่นและสารทั้งสองชนิดไม่ถือว่าเป็นยาเสพติดเช่นเดียวกัน
ยอมรับว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบสารทั้ง 2 ชนิดเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ของ ป.ป.ส.จะทำการตรวจสอบเฉพาะสารเสพติดเท่านั้นศาลที่ไม่ใช่จึงไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก รวมทั้งจะได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบการนำเข้าสารทั้งสองชนิดเพราะอาจจะมีการปนเปื้อนหรือลักลอบ หรือ ซุกซ่อนสารเสพติดเข้ามาปะปนได้
ส่วนการดำเนินคดี ตามกฎหมาย สารเคตามีน ถ้ามีมากกว่า 0.5 กรัม จะถือว่ามีไว้ครอบครองเพื่อการจำหน่าย ทาง ป.ป.ส.จะได้ส่งผลการตรวจให้ บช.ปส.เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยในข้อหามีเคตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและอีกส่วนเป็นคดีที่ทางไต้หวันได้จับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดแค่ตามินที่ส่งจากประเทศไทยถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งทาง ป.ป.ส.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บช.ปส. ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาดำเนินคดีอยู่.-สำนักข่าวไทย