สธ.8 ธ.ค.-สธ.เผยพบผู้ป่วยโควิดจากท่าขี้เหล็กเพิ่มที่เชียงรายอีก 1 ราย รวมเป็น 39 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ พบ 19 ราย 1 ราย หลบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ 4 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง และ ASQ
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวรายงานสถานการณ์โควิด-19 ของไทยและต่างประเทศ วันนี้ (8 ธ.ค.) พบผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสมในไทยเป็น 4,126 ราย หายป่วยแล้ว 3,874 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 15 ราย ติดเชื้อในประเทศ 4 ราย พบผู้เดินทางมาจากเมียนมา 6 ราย อยู่ใน local quarantine มีอาการของโรค ขณะนี้เข้ารักษาที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ แล้วจากตุรกี 1ราย บัลแกเรีย 1 ราย ,โมร็อกโก 1 รายสหรัฐอเมริกา 2 ราย , สหราชอาณาจักร 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย, บาห์เรน 1 ราย
นอกจากนี้พบคนไทย 1 ราย หลบเข้าทางเส้นทางธรรมชาติ จากเมียนมา พบติดเชื้อแต่ไม่มีอาการส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศ เป็นคนไทย 4 ราย ปฏิบัติงานที่ Alternative State Quarantine และ รพ.เอกชน เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชน กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสอบสวนโรคว่ามีกระบวนการใดที่ประมาทหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทำให้เกิดข้อผิดพลาด ขอประชาชนอย่ากังวลกับ รพ.เอกชน เพราะกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปดูแลแล้ว
นพ.จักรรัฐ ยังกล่าวถึงจำนวนผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็ก พบเพิ่มอีก 1คน ที่จังหวัดเชียงราย รวมผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กเป็น39 ราย และกำลังเร่งตรวจสอบกลุ่มเสี่ยงสูงเสี่ยงต่ำที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในวันนี้ ทางจังหวัดเชียงรายจะมีรายละเอียดอีก7 รายในสถานกักกัน ที่เพิ่งได้รับรายงานเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังฝากผู้โดยสาร 4 สายการบินที่เกี่ยวข้องกับกรณีผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กเฝ้าระวัง ตนเองและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต้องสงสัย
สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกวันนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 67,934,939 ราย ซึ่งมาเลเซียและเมียนมา เป็นประเทศในเอเชียที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเกินหลักพันคนทุกวัน และมีพรมแดนติดประเทศไทย จึงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อที่เป็นบุคลากร รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง และใน ASQ ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปสอบสวนหาสาเหตุ และจะมีการประชุมกับASQ (Alternative state quarantine)และAHQ( Alternative hospital quarantine) เพื่อซักซ้อมข้อปฏิบัติให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งปกติทุกแห่งจะมีCovid Commander และIncident Commander ดูแลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มีกลไกประเมิน ทั้งเรื่องโครงสร้างอาคารและโครงสร้างวิศวกรรม แอร์แต่ละห้องต้องแยกส่วนกัน เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งไปยังโรงแรมทุกแห่งให้เข้มงวดในข้อปฏิบัติที่ ได้วางมาตรฐานไว้อยู่แล้ว และต้องสอบสวนด้วยว่ามีการประมาทเลินเล่อจนทำให้เกิดการติดเชื้อหรือไม่.-สำนักข่าวไทย