“เนตร” ยันสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” เป็นไปตามสำนวน

รัฐสภา 13 ส.ค.- “เนตร นาคสุข” โผล่แจง กมธ.สภา ยันสั่งไม่ฟ้อง “วรยุทธ อยู่วิทยา” ตามพยานหลักฐาน ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ แจงลาออก เพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กรอัยการ นายบอส แจงเหตุมาชี้แจงไม่ได้ เพราะถูกยกเลิกพาสปอร์ต ยันไม่มีถิ่นที่อยู่ในไทย “พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ” ยันสั่งคดีตามที่เห็นสำนวน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นประธานกรรมาธิการฯ พิจารณาคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา โดยคณะกรรมาธิการฯเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาทิ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของนายเนตร ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายวรยุทธมาชี้แจงด้วย

นายเนตร นาคสุข ชี้แจงว่า การสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ เป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาทั้งหมด ส่วนดุลพินิจที่ตนไม่ฟ้อง ไม่ได้สั่งนอกสำนวนเลย มีเอกสารหลักฐาน มีการระบุความเห็นในการสั่งคดีไว้ชัดเจน เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธนั้น ได้พิจารณาสำนวน ดูว่าเดิมมีการสั่งคดีไว้อย่างไร ซึ่งครั้งแรกอัยการสั่งฟ้อง ตามความเห็นของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น ที่บันทึกความเร็วรถไว้ 177 กม./ชม. แต่เมื่อมีการสอบพยานใหม่ หลังมีการร้องขอความเป็นธรรม พบว่าผู้ให้ความเห็นความเร็วรถคนเดิม คือ พ.ต.ท.ธนสิทธิ เปลี่ยนคำให้การว่าความเร็วรถไม่ใช่ 177 กม./ชม. เพราะวิธีคิดไม่ตรงกัน


รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อคำนวณความเร็วรถใหม่ ทำให้ความเร็วรถลดลงเหลือแค่ 79 กม./ชม. ก็ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับมีพยานอื่นมาสนับสนุน ทั้งผู้เชี่ยวชาญ คือ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ยืนยันว่าความเร็วที่คำนวณจากภาพวิดีโอ ความเร็วแค่ 76 กม./ชม. ไม่ถึง 80 กม./ ชม.

นายเนตร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีพยาน 2 ปากที่ได้จากการสอบสวน คือพล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และ นายจารุชาติ มาดทอง ให้การว่าความเร็วรถของนายวรยุทธ ไม่ถึง 80 และพบว่าผู้ตาย เปลี่ยนเลนกะทันหัน จากซ้ายสุด มาขวาสุด เมื่อพยานให้การอย่างนี้ ความเร็วรถนายวรยุทธ ไม่เกิน 80 ก็เป็นเหตุสุดวิสัย และหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนกฎหมายฟ้อง นายวรยุทธ ในความผิดฐานขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงสั่งไม่ฟ้อง และเสนอไปยัง ผบ.ตร และมีการให้ความเห็นชอบ

รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ส่วนเหตุที่นายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรมมาหลายครั้ง และทำให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่จนต้องสั่งไม่ฟ้องนั้น ยืนยันว่าตามระเบียบอัยการไม่มีกำหนดว่าจะร้องได้กี่ครั้งเพราะเป็นสิทธิของผู้ร้องทั้งฝ่ายผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และการพิจารณาให้ความเป็นธรรมนายวรยุทธ นั้น ก็มีการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น ซึ่งกรณีนี้ สำนักงานกฤษฎีกาของสำนักงานอัยการ เสนอมาว่าเห็นควรพิจารณาให้ความเป็นธรรม


นายเนตร กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากอัยการตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม สาเหตุที่ลาออก เนื่องจากตนเป็นผู้สั่งคดีนี้ สังคมก็กดดันองค์กร ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกคน จึงขอลาออก และเพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กร ที่ทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการอยู่ในองค์กรนี้มานาน 40 ปี

กรรมาธิการได้ซักถามอย่างมากว่าคดีนี้มีการปั้นพยานขึ้นมาหรือไม่ซึ่ง นายเนตร กล่าวว่า พยานที่ปรากฎเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน ของพนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีข้อเท็จจริงนอกสำนวนคดี ส่วนดุลยพินิจในการสั่ง จะอยู่ในความเห็นและคำสั่งของตน

นายเนตร กล่าวว่า การสั่งไม่ฟ้องคดีบอสเป็นสำนวนที่ผ่านมาตามระบบตามลำดับชั้น และสั่งการว่าจะดำเนินการอย่างไร และตนเป็นคนสุดท้าย ซึ่งไม่ถึงอัยการสูงสุด ขณะที่สั่งหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหลักฐานจากคดีทั้งหมด ตนเห็นเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ถ้าต่อมาภายหลังมีหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถกลับคำสั่งฟ้องได้อีก

รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า แม้สั่งไมฟ้องแต่ยังสอบสวนได้ ถ้าได้พยานหลักฐานใหม่ ให้อัยการพิจารณากลับคำสั่งได้ เป็นเรื่องธรรมดา เช่นที่มีบางคดีก็กลับเป็นสั่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป ยืนยันว่าสั่งในฐานะรองอัยการสูงสุด ได้ทุกคดีและทุกศาล และคดีของบอสเห็นว่าเป็นกรณีต่างคน ต่างประมาท

นายสิระ ขอให้นายเนตร ยืนยันเรื่องไม่มีผลประโยชน์ และพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เช็คเส้นทางการเงิน ซึ่งนายเนตร ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และไม่มีเรื่องการหยิบสำนวนมาสั่ง

ส่วนเหตุผลที่ รายงานของ สนช.เข้าไปอยู่ในสำนวนการสอบสวนนั้น นายสมัคร เชาวภานันท์ ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า ไปร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนให้ใส่รายงานของ สนช.ไว้ในสำนวนสอบสวน

นายสมัคร กล่าวว่า บอสไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และมีหนังสือส่งมายังกรรมาธิการแจ้งว่า บอสมาชี้แจงต่อกรรมาธิการไม่ได้ เพราะถูกยกเลิกหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต และยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องพาสปอร์ต ขณะที่นายสิระ ระบุจะส่งหนังสือเชิญตามภูมิลำเนา และต้องได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกับคนไทยทุกคน

พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ. 4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า การคำนวณความเร็วรถครั้งแรกได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ที่ในสำนวนเป็น 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเชื่อการคำนวณของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม เพราะเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง ประกอบกับมีเวลาในการพิจารณาสำนวนน้อย จึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบ และพบว่าคลาดเคลื่อน ร้อยละ 40 ซึ่งได้ให้การต่อผู้บังคับบัญชาใหม่ว่า ความเร็วอยู่ที่ 177 กม./ชม. ตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่ได้กลับคำให้การ

พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมาพบว่าเรื่องความเร็วรถที่ยืนยันกลับไปอีกครั้งว่าความเร็วอยู่ที่ 177 กม./ชม.ไม่ปรากฎในสำนวน ประกอบกับเข้าใจผิดว่าข้อหานี้ขาดอายุความแล้วจึงไม่ได้ตามเรื่อง และนายสายประสิทธิ์ เข้ามาเกี่ยวพันเรื่องความเร็วรถก่อนที่สนช.จะหยิบไปพิจารณา นอกจากนี้ ตนไม่เคยเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการของ สนช. แต่เหตุใดจึงมีคำชี้แจงของตนอยู่ในกรรมาธิการฯ

พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผบ.ตร. ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ว่า หลักคิดของตน คือจะทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักของกฎหมาย ตนไม่เลือกปฏิบัติ หลังจากได้เห็นสำนวนแล้ว ไม่มีสิทธิ์สั่งดำเนินการให้เป็นอย่างอื่นได้ จึงต้องเห็นชอบตามที่ผู้ตรวจสำนวนเสนอ และยอมรับว่าไม่ได้ดูสำนวนอย่างละเอียดทุกหน้า ส่วนข้อถกเถียงเรื่องความเร็วรถที่ไม่ตรงกัน ที่ได้รับฟังจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ วันนี้ ก็จะนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพิจารณาว่าจะหาข้อพิสูจน์อย่างไรเพราะ เมื่อได้ฟังการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตกใจว่า ทำไมกลับคำง่าย ไม่เป็นหลักของตนเอง คนที่มีอำนาจ หรือเงินมหาศาล ไม่น่าจะสั่งเราได้

ด้านนายเทพสุ บวรโชติดารา ผู้อำนวยการกองข่าวกรองทางการเงิน สำนักงาน ป.ป.ง. ชี้แจงว่าแม้นายเนตรจะยินยอมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ต่อกรรมาธิการ แต่ ป.ป.ง. ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะจะต้องดำเนินการตามอำนาจของกฎหมาย

ทันตแพทย์ณรงค์ โพธิเกตุ หมอฟันของบอส ชี้แจงว่าได้ทำการรักษาฟันให้บอส ตั้งแต่ปี 2554 และเมื่อสิงหาคม 2555 ได้รักษาฟันที่มีอาการอักเสบ และได้จ่ายยาแก้อักเสบให้บอสรับประทานทุก 8 ชั่วโมง เมื่อชี้แจงเสร็จทันตแพทย์ณรงค์ ได้เดินทางกลับโดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์ กล่าวเพียงว่า ให้ไปสอบถามจากแพทยสภา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย