“เนตร” ยันสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” เป็นไปตามสำนวน

รัฐสภา 13 ส.ค.- “เนตร นาคสุข” โผล่แจง กมธ.สภา ยันสั่งไม่ฟ้อง “วรยุทธ อยู่วิทยา” ตามพยานหลักฐาน ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ แจงลาออก เพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กรอัยการ นายบอส แจงเหตุมาชี้แจงไม่ได้ เพราะถูกยกเลิกพาสปอร์ต ยันไม่มีถิ่นที่อยู่ในไทย “พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ” ยันสั่งคดีตามที่เห็นสำนวน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นประธานกรรมาธิการฯ พิจารณาคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา โดยคณะกรรมาธิการฯเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาทิ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของนายเนตร ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายวรยุทธมาชี้แจงด้วย

นายเนตร นาคสุข ชี้แจงว่า การสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ เป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาทั้งหมด ส่วนดุลพินิจที่ตนไม่ฟ้อง ไม่ได้สั่งนอกสำนวนเลย มีเอกสารหลักฐาน มีการระบุความเห็นในการสั่งคดีไว้ชัดเจน เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธนั้น ได้พิจารณาสำนวน ดูว่าเดิมมีการสั่งคดีไว้อย่างไร ซึ่งครั้งแรกอัยการสั่งฟ้อง ตามความเห็นของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น ที่บันทึกความเร็วรถไว้ 177 กม./ชม. แต่เมื่อมีการสอบพยานใหม่ หลังมีการร้องขอความเป็นธรรม พบว่าผู้ให้ความเห็นความเร็วรถคนเดิม คือ พ.ต.ท.ธนสิทธิ เปลี่ยนคำให้การว่าความเร็วรถไม่ใช่ 177 กม./ชม. เพราะวิธีคิดไม่ตรงกัน


รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อคำนวณความเร็วรถใหม่ ทำให้ความเร็วรถลดลงเหลือแค่ 79 กม./ชม. ก็ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับมีพยานอื่นมาสนับสนุน ทั้งผู้เชี่ยวชาญ คือ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ยืนยันว่าความเร็วที่คำนวณจากภาพวิดีโอ ความเร็วแค่ 76 กม./ชม. ไม่ถึง 80 กม./ ชม.

นายเนตร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีพยาน 2 ปากที่ได้จากการสอบสวน คือพล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และ นายจารุชาติ มาดทอง ให้การว่าความเร็วรถของนายวรยุทธ ไม่ถึง 80 และพบว่าผู้ตาย เปลี่ยนเลนกะทันหัน จากซ้ายสุด มาขวาสุด เมื่อพยานให้การอย่างนี้ ความเร็วรถนายวรยุทธ ไม่เกิน 80 ก็เป็นเหตุสุดวิสัย และหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนกฎหมายฟ้อง นายวรยุทธ ในความผิดฐานขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงสั่งไม่ฟ้อง และเสนอไปยัง ผบ.ตร และมีการให้ความเห็นชอบ

รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ส่วนเหตุที่นายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรมมาหลายครั้ง และทำให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่จนต้องสั่งไม่ฟ้องนั้น ยืนยันว่าตามระเบียบอัยการไม่มีกำหนดว่าจะร้องได้กี่ครั้งเพราะเป็นสิทธิของผู้ร้องทั้งฝ่ายผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และการพิจารณาให้ความเป็นธรรมนายวรยุทธ นั้น ก็มีการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น ซึ่งกรณีนี้ สำนักงานกฤษฎีกาของสำนักงานอัยการ เสนอมาว่าเห็นควรพิจารณาให้ความเป็นธรรม


นายเนตร กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากอัยการตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม สาเหตุที่ลาออก เนื่องจากตนเป็นผู้สั่งคดีนี้ สังคมก็กดดันองค์กร ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกคน จึงขอลาออก และเพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กร ที่ทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการอยู่ในองค์กรนี้มานาน 40 ปี

กรรมาธิการได้ซักถามอย่างมากว่าคดีนี้มีการปั้นพยานขึ้นมาหรือไม่ซึ่ง นายเนตร กล่าวว่า พยานที่ปรากฎเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน ของพนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีข้อเท็จจริงนอกสำนวนคดี ส่วนดุลยพินิจในการสั่ง จะอยู่ในความเห็นและคำสั่งของตน

นายเนตร กล่าวว่า การสั่งไม่ฟ้องคดีบอสเป็นสำนวนที่ผ่านมาตามระบบตามลำดับชั้น และสั่งการว่าจะดำเนินการอย่างไร และตนเป็นคนสุดท้าย ซึ่งไม่ถึงอัยการสูงสุด ขณะที่สั่งหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหลักฐานจากคดีทั้งหมด ตนเห็นเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ถ้าต่อมาภายหลังมีหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถกลับคำสั่งฟ้องได้อีก

รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า แม้สั่งไมฟ้องแต่ยังสอบสวนได้ ถ้าได้พยานหลักฐานใหม่ ให้อัยการพิจารณากลับคำสั่งได้ เป็นเรื่องธรรมดา เช่นที่มีบางคดีก็กลับเป็นสั่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป ยืนยันว่าสั่งในฐานะรองอัยการสูงสุด ได้ทุกคดีและทุกศาล และคดีของบอสเห็นว่าเป็นกรณีต่างคน ต่างประมาท

นายสิระ ขอให้นายเนตร ยืนยันเรื่องไม่มีผลประโยชน์ และพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เช็คเส้นทางการเงิน ซึ่งนายเนตร ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และไม่มีเรื่องการหยิบสำนวนมาสั่ง

ส่วนเหตุผลที่ รายงานของ สนช.เข้าไปอยู่ในสำนวนการสอบสวนนั้น นายสมัคร เชาวภานันท์ ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า ไปร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนให้ใส่รายงานของ สนช.ไว้ในสำนวนสอบสวน

นายสมัคร กล่าวว่า บอสไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และมีหนังสือส่งมายังกรรมาธิการแจ้งว่า บอสมาชี้แจงต่อกรรมาธิการไม่ได้ เพราะถูกยกเลิกหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต และยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องพาสปอร์ต ขณะที่นายสิระ ระบุจะส่งหนังสือเชิญตามภูมิลำเนา และต้องได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกับคนไทยทุกคน

พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ. 4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า การคำนวณความเร็วรถครั้งแรกได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ที่ในสำนวนเป็น 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเชื่อการคำนวณของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม เพราะเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง ประกอบกับมีเวลาในการพิจารณาสำนวนน้อย จึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบ และพบว่าคลาดเคลื่อน ร้อยละ 40 ซึ่งได้ให้การต่อผู้บังคับบัญชาใหม่ว่า ความเร็วอยู่ที่ 177 กม./ชม. ตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่ได้กลับคำให้การ

พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมาพบว่าเรื่องความเร็วรถที่ยืนยันกลับไปอีกครั้งว่าความเร็วอยู่ที่ 177 กม./ชม.ไม่ปรากฎในสำนวน ประกอบกับเข้าใจผิดว่าข้อหานี้ขาดอายุความแล้วจึงไม่ได้ตามเรื่อง และนายสายประสิทธิ์ เข้ามาเกี่ยวพันเรื่องความเร็วรถก่อนที่สนช.จะหยิบไปพิจารณา นอกจากนี้ ตนไม่เคยเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการของ สนช. แต่เหตุใดจึงมีคำชี้แจงของตนอยู่ในกรรมาธิการฯ

พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผบ.ตร. ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ว่า หลักคิดของตน คือจะทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักของกฎหมาย ตนไม่เลือกปฏิบัติ หลังจากได้เห็นสำนวนแล้ว ไม่มีสิทธิ์สั่งดำเนินการให้เป็นอย่างอื่นได้ จึงต้องเห็นชอบตามที่ผู้ตรวจสำนวนเสนอ และยอมรับว่าไม่ได้ดูสำนวนอย่างละเอียดทุกหน้า ส่วนข้อถกเถียงเรื่องความเร็วรถที่ไม่ตรงกัน ที่ได้รับฟังจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ วันนี้ ก็จะนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพิจารณาว่าจะหาข้อพิสูจน์อย่างไรเพราะ เมื่อได้ฟังการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตกใจว่า ทำไมกลับคำง่าย ไม่เป็นหลักของตนเอง คนที่มีอำนาจ หรือเงินมหาศาล ไม่น่าจะสั่งเราได้

ด้านนายเทพสุ บวรโชติดารา ผู้อำนวยการกองข่าวกรองทางการเงิน สำนักงาน ป.ป.ง. ชี้แจงว่าแม้นายเนตรจะยินยอมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ต่อกรรมาธิการ แต่ ป.ป.ง. ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะจะต้องดำเนินการตามอำนาจของกฎหมาย

ทันตแพทย์ณรงค์ โพธิเกตุ หมอฟันของบอส ชี้แจงว่าได้ทำการรักษาฟันให้บอส ตั้งแต่ปี 2554 และเมื่อสิงหาคม 2555 ได้รักษาฟันที่มีอาการอักเสบ และได้จ่ายยาแก้อักเสบให้บอสรับประทานทุก 8 ชั่วโมง เมื่อชี้แจงเสร็จทันตแพทย์ณรงค์ ได้เดินทางกลับโดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์ กล่าวเพียงว่า ให้ไปสอบถามจากแพทยสภา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่