ทำเนียบฯ 13 ส.ค.- รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนประชุม ครม. “ประยุทธ์ 2/2” นัดแรก “อนุชา” มาถึงคนแรก ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ตามมาด้วย “ดอน-สุพัฒนพงษ์” ยืนยันทำงานซื่อสัตย์ ยึดประโยชน์ประเทศชาติ เร่งหามาตรการฟื้นฟูประเทศ หลังวิกฤติโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (13 ส.ค.) รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ พระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2/2” นัดแรก
โดย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นคนแรก เวลา 06.14 น. เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มอบหมายงาน ว่าจะให้กำกับดูแลในส่วนใด แต่ถ้ารัฐมนตรีคนเก่ายังมีงานที่ค้างอยู่ และต้องการให้สานต่อ เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ก็ยินดีที่จะรับไปปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วง
“งานกำกับดูแลหน่วยงานด้านสื่อของรัฐ ต้องรอนายกรัฐมนตรีมอบหมายงานให้ชัดเจนก่อน จึงจะมีความชัดเจนในรายละเอียดของงานหน่วยงานต่างๆ ผมถือคติในการทำงาน ว่าจะตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และประเทศชาติ” นายอนุชา กล่าว
ตามมาด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง โดยจะใช้ห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ต่อด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยอมรับว่า ภาวะการตกงานในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำขณะนี้ ทุกคนย่อมคาดหวังมาตรการใหม่ๆ ที่จะมารองรับ การทำงานนับจากนี้ จะเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะงานระบบราชการ ที่จะต้องปรับและเรียนรู้ เพราะมาจากภาคเอกชน แต่ก็จะพยายามทำงานอย่างเต็มที่
“ที่ผมตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งนี้ เพราะเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และส่วนตัวมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยประเทศชาติได้ก็ยินดี ทุกคนทราบดีว่า ผมเกษียณอายุ และได้พักผ่อนมา 1 ปีแล้ว และมีโอกาสได้รับฟังปัญหามาโดยตลอด สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ มีการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งไม่แน่นอน จึงเป็นความท้าทายที่จะต้องเข้ามาทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และมีส่วนร่วมในการทำงานกับ ครม.ชุดนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ เชื่อว่า ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยบริหารจัดการบ้านเมืองเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี ขณะที่ ต่างประเทศต้องรับมือการระบาดอย่างหนัก ดังนั้น เวลานี้ไทยถือว่ารับศึกด้านเดียว ถือเป็นความสามารถของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาได้ดี ส่งผลให้นับจากนี้ต้องฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจให้เดินหน้า ทุกคนจะต้องมาร่วมรวมใจ ไทยสร้างชาติ เมื่อถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ จะส่งผลต่อการทำงานด้านเศรษฐกิจหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า วันนี้ต้องมาร่วมมือกันให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และทำงานต่อไป และเลี่ยงที่จะตอบข้อถาม กรณีความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐ จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของนายสุพัฒนพงษ์ .- สำนักข่าวไทย