นายกฯ เผย ตร.รวบรวมหลักฐานตึก สตง.ถล่ม จ่อหมายจับเร็วๆ นี้

ตึกถล่ม

ทำเนียบ 18 เม.ย.-นายกฯ ถก ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ คืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม ระบุตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งข้อมูล-เอกสาร เพื่อหารายละเอียดเอาผิด ย้ำรับไม่ได้สูญเสียหลายชีวิต

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่ม ว่า เมื่อได้พูดคุยในรายละเอียดทุกอย่างแล้ว ต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมมากกว่านี้ เพราะยังมีในเรื่องของเอกสารและหลักฐานสำคัญที่ขอความร่วมมือไป และได้รับความร่วมมือที่ค่อนข้างช้า เพราะเรื่องนี้รอไม่ได้ ต้องหาหลักฐานและเอกสารให้ครบ เพื่อจะได้มีการรับผิดชอบต่อผู้ที่เสียชีวิตไปจำนวนมาก ดังนั้นจำเป็นต้องขอความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทั้งหมดจาก สตง. รวมถึงการรายงานผลจากคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาในเวลาที่กำหนด ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ซึ่งมีการร้องขอให้ยกเลิกสัญญา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอดูเอกสารเพิ่มเติมตรงนี้“ นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ถึงผลกระทบแผ่นดินไหว ว่ากรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ จนทำให้ตึก สตง. ถล่ม ซึ่งเป็นเอกสารที่ยังต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน และจะขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง ที่เป็นหน่วยงานควบคุมมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง ดูคุณภาพวัสดุก่อสร้าง เพื่อจะชี้วัดและมีอำนาจในการบอกเลิกสัญญา รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานที่ร่วมตรวจรับการออกแบบก่อสร้าง และการตรวจรับงาน ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกลับความเสียหายนี้ ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับตำรวจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการตรวจสอบของกรมโยธาธิการและผังเมือง ควรจะแยกออกจากกระบวนการสืบสวนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกลับการสืบสวนตรงนี้

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กำลังดำเนินคดีกับเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานและคุณภาพของปูนที่ไม่ได้มาตราฐาน รวมถึงการแก้ไขแบบคอร์วอลล์ (core wall) และคอปล่องลิฟต์ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของตึก แต่ไม่มีการเสริมเหล็ก ทำให้เกิดความเสี่ยงในอาคาร นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการฮั้วประมูลด้วย จึงฝากสื่อมวลชนให้ช่วยสื่อสาร แต่ตนเองจะย้ำ เรื่องนี้ในคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง


”ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือ ส่วนตัวรับเรื่องนี้ไม่ได้ กับการที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก เพียงเพราะเหตุผลตึกถล่มเพียงหนึ่งตึก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมียนมา ที่เกิดแผ่นดินไหวทั้งหมดและมีขนาดรุนแรงห้ามไม่ได้ แต่มีเพียงหนึ่งตึกของไทยที่ถล่มลงมา ซึ่งตนเองติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเคยให้สัมภาษณ์ไปว่า 90 วัน จะทำเรื่องของโมเดลที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปสาเหตุตึกถล่มออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้จะหาเหตุผลโดยละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุลม แรงสั่นสะเทือน หรือเป็นวัสดุที่ทำให้ตึกถล่มลงมา ซึ่งเป็นเหตุผลเชิงลึก แต่ระหว่างนี้แต่ระหว่างมีการดำเนินงานต่างๆถูกต้องแล้วหรือยังตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เริ่มหนึ่งหมดแล้วหรือยังถูกหมดแล้วหรือยัง ดังนั้นจะสรุป เรื่องใดในวันนี้ต้องรอตำรวจหรือดีเอสไอ ที่จะช่วยหาหลักฐานให้มีความชัดเจนให้มีความชัดเจนก่อน ตนเองจะมาพูดก่อนไม่ได้เพราะเสี่ยงจะถูกฟ้องได้ ดังนั้นต้องรอแต่อีกไม่นานนี้จะมีการออกหมายจับ โดยกำชับตำรวจหากมีหลักฐานเพียงพอ ก็สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งอีกไม่นานจะมีการเริ่มออกหมายจับ“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

ส่วนตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า เหตุใดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงไม่ให้ความร่วมมือในการส่งข้อมูลเอกสาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือไม่เต็มที่ ก็ต้องถูกก็ตั้งข้อสังเกตอยู่แล้ว จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือให้เต็มที่ เพื่อที่จะไม่เป็นข้อครหาของประชาชน

ขณะที่ยิ่งตรวจสอบ ยิ่งอาจเข้าข่ายทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง จะถือโอกาสสะสางทั้งหมดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำทุกอย่างตามหลักฐานที่มี และได้เน้นย้ำกับตำรวจว่าให้ทำอย่างเต็มที่ และจริงจัง รวมถึงจะต้องดูข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการเซ็นรับด้วย


ส่วนจะกำชับการก่อสร้างของหน่วยงานรัฐอื่นที่มีการก่อสร้างขนาดใหญ่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ควรเกิดขึ้นอยู่แล้วทุกตึก ไม่ใช่แค่ตึกของรัฐเท่านั้น ทุกตึกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เข้าไปอยู่ในนั้นทุกวัน แต่เมื่อเกิดปัญหาก็เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินคดี ต้องตรวจสอบ และทำให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า เท่าที่ได้รับรายงานมีเรื่องการปลอมแปลงลายเซ็น ซึ่งต้องตรวจสอบกันต่อไป ว่าปลอมแปลงจริงหรือไม่ ส่วน สตง. จะต้องรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องขอดูหลักฐานเป็นรายกรณีไป ซึ่งต้องดูรายชื่อของคณะกรรมการในแต่ละส่วน จะไม่เหมารวมทั้งหมด พร้อมยอมรับว่า มีหลักฐานบางอย่างออกมา เช่น ตัวปล่องลิฟท์ ที่อาจมีการปรับแก้ให้บางลงตามที่สื่อรายงาน

ขณะที่สังคมตั้งคำถามว่าตึก สตง. ถล่มครั้งนี้ อาจไม่มีผู้รับผิดชอบเลย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนผิดเลย ซึ่งมีบางจุดที่ผิดไปจากทุก ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น ที่บอกว่าจะไม่มีคนรับรับผิดชอบเรื่องนี้ คงเป็นไปได้ยากมาก.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]