“บิ๊กป้อม” ซักฟอก 10 นาที นายกฯ แจงที่พูดมาไม่เป็นความจริง

อภิปรายนายก

รัฐสภา 24 มี.ค.- “บิ๊กป้อม” ลุกอภิปรายครั้งแรก ซัดแรง “ประเทศไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ” ชี้มีพฤติการณ์ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศ เหตุเศรษฐกิจล้มเหลว-เสี่ยงเสียดินแดนปม MOU44-กาสิโนจะนำชาติไปสู่ความหายนะ ลั่น เคยใช้ใจบันดาลแรง บริหารประเทศสำเร็จหลายอย่าง แนะ นายกฯ เห็นประโยชน์ประเทศมากกว่าครอบครัว-พวกพ้อง ขณะที่ นายกฯ ลุกขึ้นแจงสภาครั้งแรกย้อนกลับ คำพูด “ประวิตร” ทุกอย่างที่พูดมาไม่เป็นความจริง


เมื่อเวลา 09.06 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน ซึ่งในระหว่างที่พลเอกประวิตร กำลังแนะนำโต้ตอบประธานสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง ตามข้อบังคับข้อที่ 9 เพื่อความชัดเจนและเป็นบรรทัดฐานในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนเป็น สส. ตั้งแต่ 7 สิงหาคมปีที่แล้ว เข้าประชุมทุกครั้งแต่ไม่เคยเจอพลเอกประวิตรเลยสักครั้ง จึงขอให้ประธานวินิจฉัยว่าพลเอกประวิตรเป็นผู้เหมาะสมที่จะทำการอภิปรายวันนี้หรือไม่ เพราะตั้งแต่ร่วมประชุมสภามายังไม่เคยเห็นพลเอกประวิตร มาร่วมประชุมเลยสักครั้ง

ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า เป็นคนละประเด็น เพราะการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีข้อบังคับเรื่องการมาประชุม ซึ่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้พิจารณา แต่วันนี้มาตามข้อบังคับการขออภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในฐานะสมาชิกรัฐสภาจึงมีสิทธิ์ที่จะอภิปราย จึงขอให้นายก่อแก้วนั่งลง เพราะตนวินิจฉัยแล้วไม่ได้ผิดข้อบังคับ เพื่อเป็นการควบคุมให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


จากนั้นพลเอกประวิตร ได้ขึ้นอภิปรายต่อทันทีจากนั้นพลเอกประวิตร​ อภิปรายต่อว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจเป็นที่ไว้วางใจ ให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก​

พลเอกประวิตร​ กล่าวบทถึงการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีล้มเหลว วันนี้ประชาชนแสนสาหัสเกิดปัญหาทุกข์ยากทุกหัวระแหง ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขจากที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทห้างร้านปิดกิจการจำนวนมาก การแก้ไขปัญหาผิดที่ผิดทาง ประชาชนเกิดปัญหาหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ นี่ครัวเรือนสูงขึ้นถึง 104 % ราคาข้าวโพดข้าวสารหมั่นสำปะหลังอ้อยปาล์มน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดำดิ่ง​ เศรษฐกิจไทยมืดหม่น​ แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่มีมาตรการใดๆมาแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ซึ่งจริงๆตนพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาประชาชนให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีเคยบริหารด้านเศรษฐกิจมาก่อน และงานธุรกิจมาก่อน ก็คงมีประสบการณ์ที่จะช่วยประเทศชาติได้บ้าง แต่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจให้ดีขึ้นซ้ำยังถอยหลัง จนGDP ประเทศไทยรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน และที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการตัดงบประมาณนับแสนล้าน ที่ควรอัดฉีด แต่ในยุครัฐมนตรีกับนำเงินก้อนดังกล่าวไปแจกในโครงการเงิน ซึ่งธนาคารโลกและกองทุน IMF ได้มีการออกมาเตือนแล้ว ว่าการแจกเงินหมื่นนั้นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆแทน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านวันนี้คนไทยคงไม่ลำบากทุกข์ใจในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส ฉะนั้นท่านจะนำพาประเทศให้รอดพ้นปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร

ส่วนประเด็นที่ 2 พลเอกประวิตรกล่าวว่า ต้นห่วงประเทศชาติเป็นอย่างมากและไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่อง MOU 44 ที่วันนี้นายกรัฐมนตรีนำพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนทรัพยากรทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือเรื่องลูกเรือประมงของไทย​ นายกรัฐมนตรี รับปากว่าจะนำกลับมาประเทศไทยแต่นี่ 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ​ ฉะนั้นตนในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดชีวิตและเป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนทราบดีว่างานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ ซึ่งตนเห็นใจนายกรัฐมนตรีที่ต้องมาเป็นผู้ตัดสินใจ ในเรื่องความมั่นคงของชาติให้มีเสียงร้อง ทั้งนี้ประเทศชาติไม่ใช่เวที ที่จะมาให้มือสมัครเล่น​มาซ้อมมือได้


ส่วนประเด็นที่ 3 การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะร่างกฎหมาย สถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือ​ เอ็นเต​อร์เทนเมนท์​คอมเพล็กซ์​ ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน แต่มันมีช่อง ที่ทำให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ขอย้ำว่ากาสิโนจะนำชาติไปสู่ความหายนะ​ และอันตรายอย่างที่สุด ก็จะทำให้สังคมอ่อนแอ และเกิดธุรกิจสีเทา ติดตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้การปฏิบัติละเลยเรื่องต่างๆส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน และธุรกิจสีเทา รวมไปถึงปัญหาอาชญากรรมรวมไปถึงมีปัญหาพนันออนไลน์มากอยู่แล้ว​

พลเอกประวิตร​ ยังระบุอีกว่า อีกประเด็นที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)(5) ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์​ เพราะท่านทำพฤติกรรมอำพรางยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม โดยเฉพาะในเรื่องการถือหุ้นอัลไพน์ ครั้งที่รู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์แต่ท่านไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด นอกจากนั้นท่านยังปล่อยปละละเลยให้บุคคลในครอบครัว มากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่

พลเอกประวิตร ยังกล่าวอีกว่าการที่บุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีเรียกแกนนำต่างๆไปพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาลในบ้านจันทร์ส่องหล้า และบุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลต่อไปในทางครอบงำหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้ เป็นไปตามการตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง

พลเอกประวิตร​ยังกล่าวในช่วงท้ายว่าสิ่งที่ตนกล่าวมาไม่ใช่เป็นการกล่าวหาแต่เป็นไปตามหลักฐานข้อเท็จจริงทุกประการ ซึ่งส.สของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 คน จะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ตนต้องขอขอบคุณทุกคนและนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงประชาชนทุกคนในสิ่งที่ตนพูด ตนเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ”

ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากที่ประชุมสภารวมไปถึงนายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย

จากนั้นพลเอกประวิตร ยังกล่าวอีกว่า ตนใช้ใจบันดาลแรง ในการบริหารประเทศได้สำเร็จมาได้ ในหลายๆ ด้าน ส่วนนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนหนุ่มสาวแข็งแรง ตนก็เชื่อว่านายกจะบริหารประเทศด้วยสติปัญญาและมีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ประเทศชาติมากกว่าครอบครัวและพวกพ้อง ซึ่งจะทำให้ประชาชนชื่นชมและตอบรับท่านเอง

โดยหลังจากการอภิปรายเสร็จสิ้น ห้องประชุมได้ปรบมือให้กับพลเอกประวิตร จนประธานในที่ประชุมขณะนั้นถึงกับต้องกล่าวเบรกว่าไม่ต้องปรบมือครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของพลเอกประวิตร มีท่าทีที่เหนื่อย และมีการหยุดเว้นหายใจบางจังหวะ

ภายหลัง พลเอกประวิตร อภิปรายเสร็จ ในเวลา 09.19 น. นางสาวแพทองธาร​ชินวัตร นายกรัฐมนตรี​ ลุกขึ้นชี้แจงครั้งแรก โดยระบุ เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายในประเด็นต่างๆ ต่อจากนี้อีกหลายท่าน ตนจะพยายามตอบทุกหัวข้อจะได้มีความสบายใจเกิดขึ้น สำหรับสมาชิกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้อาวุโสตนได้ฟังท่านพูด และจับเวลาการอภิปรายจากนาฬิกาของตนเองได้ 10 นาที และอยากจะบอกว่า ”ที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่นี้ ไม่เป็นความจริงค่ะ ขอบคุณค่ะ” จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้นั่งลงทันทีไม่ได้มีการชี้แจงในประเด็นอื่นใดต่อ .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]