เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

7 ก.พ. – เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด


ตลอดทั้งวันนี้ยังมีผู้คนและรถยนต์จากเมืองเมียวดีของเมียนมา ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 มาเติมน้ำมันตามปั๊มในฝั่งไทยจำนวนมาก เพราะน้ำมันในเมืองเมียวดี เริ่มขาดแคลนหนัก โดยปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ 20 กว่าแห่ง มีน้ำมันสำรองไว้อีก 3 วันเท่านั้น

ยางมะตินติน เมี๊ยะ ประธานหอการค้าเมียวดีของเมียนมา ยอมรับว่าตอนนี้ชาวเมืองเมียวดี ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการตัดไฟฟ้าและน้ำมันจากฝั่งไทย โดยกระแสไฟฟ้าจากไทยส่วนใหญ่ใช้ในสถานที่ราชการและโรงพยาบาล แต่ในส่วนพื้นที่กลุ่มจีนเทาอยู่ห่างจากตัวเมือง 40 กิโลเมตร มีการเตรียมการรองรับไว้ล่วงหน้า ทั้งน้ำมัน ระบบไฟ และการใช้ดาวเทียม จึงไม่มีผลกระทบมากนัก ในฐานะภาคเอกชนและชาวเมียวดี อยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนมาตรการ โดยเฉพาะการส่งน้ำมันที่กระทบกับชาวเมียวดี และการค้าของทั้ง 2 ประเทศ เพราะรถสินค้าไม่มีน้ำมันที่จะไปส่งสินค้าได้ ในฐานะคนเมียวดี ไม่เห็นด้วยกับการมาตั้งฐานทำผิดกฎหมายของกลุ่มจีนเทา เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลไทยร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่า โดยตนเองได้ยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศแล้ว เพื่อแก้ปัญหา โดยไม่กระทบกับคนชายแดน


ด้านนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ประชุมกับผู้ประกอบการท่าข้ามชายแดน 59 แห่งตามแนวชายแดน ที่ อ.แม่สอด กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าที่ส่งข้ามไปต้องไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งสินค้าต้องห้ามตามมาตรการ โดยเฉพาะน้ำมัน ตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งให้หน่วยความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวดในการคุมเข้มพื้นที่ชายแดน ป้องกันผู้คนที่จะลักลอบข้ามแดนมาฝั่งไทย หรือขนสินค้าต้องห้ามไปยังฝั่งเมียนมา รวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาชายแดนแม่สอด ซึ่งในช่วง 3 สัปดาห์ มีจำนวนลดลงกว่าครึ่ง

รถน้ำมันโอดติดค้างกว่า 40 คัน
หลังจากประเทศไทยปิดการส่งกระแสไฟฟ้าให้กับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 2 จุด ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้ขอซื้อกระแสไฟฟ้าจาก สปป ลาว ที่อยู่ติดกัน มาทดแทน ปรากฏว่าวันที่ 6 ก.พ. ทาง สปป ลาว แจ้งล่วงหน้าเพียงครึ่งวันว่าจะลดการส่งกระแสไฟฟ้า จากเดิมกำหนด 30 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 13 เมกะวัตต์

ด้านการข้ามพรมแดนยังคงพบว่ามีชาวเมียนมาข้ามไป-มาตามปกติ แม้จะมีกระแสสั่งงดใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เดินทางข้ามพรมแดนประเทศไทย แต่ชาวเมียนมาและชาวไทยต่างใช้บอเดอร์พาส หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราว ข้ามไป-มาได้ตามปกติ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นมาตรการตอบโต้รัฐบาลไทย ที่ตัดไฟฟ้าและงดส่งน้ำมัน โดยการสั่งการของรัฐบาลเมียนมาดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตอบโต้รัฐบาลไทย แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมาที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งเป็นการป้องกันการหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ตามคำสั่งคณะรัฐประหารได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศสำหรับชายอายุ 18-35 ปี ภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหาร โดยไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศจนกว่าจะผ่านกระบวนการเกณฑ์ทหาร


กรณีงดส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่าประชาชนยังคงนำรถไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามปั๊มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่มาตรการห้ามส่งออกน้ำมัน ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในฝั่งเมียนมา ที่น้ำมันมีราคาสูงขึ้น ในฝั่งไทย ภาคการขนส่งก็ได้รับผลกระทบ โดยพบว่ารถขนส่งน้ำมันกว่า 40 คัน จอดรอบริเวณที่พักกรมทางหลวง บ้านน้ำจำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังไม่สามารถส่งน้ำมันไปจังหวัดท่าขี้เหล็กได้ เป็นไปตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ

คนขับรถขนส่งน้ำมันหลายคนนอนพักกันที่นี่ บางคนรอแล้ว 2-3 วัน ได้รับผลกระทบหนัก เพราะมีรายได้ขับรถเป็นเที่ยว หลายคนเพิ่งทราบห้ามส่งออกน้ำมัน มาทราบประกาศภายหลัง เมื่อมาแล้วต้องอยู่รอว่าจะเปิดให้รถข้ามเมื่อใด ผ่านมา 2-3 วันก็ต้องลุ้นอยู่ ต้องการให้ปล่อยรถที่มาก่อนได้นำน้ำมันไปส่งก่อน ถ้าหากอยู่แบบนี้ต่อไปคงลำบาก เพราะต้องออกค่าใช้จ่ายต่างๆ เอง จะไปไหนก็ไม่ได้

ทหารคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งพญาตองซู
พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ผบ.กกล.สุรสีห์ เปิดเผยระหว่างกองทัพบกนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดน จ.กาญจนบุรี ระบุหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติมีมติให้ตัดกระแสไฟฟ้า 5 จุดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ในส่วนชายแดนฝั่ง จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองพญาตองซู หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจชาวบ้าน ผู้ประกอบการ พร้อมเฝ้าระวังชายแดน และขอความร่วมมือไม่ให้มีการจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่จะสามารถทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า แต่ในส่วนของโซลาร์เซลล์ แม้จะไม่ได้มีการสั่งห้าม แต่ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการไม่นำออกไปจำหน่าย หรือขนย้ายข้ามประเทศผ่านศุลกากรโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม พื้นที่พญาตองซู สถานการณ์ยังเป็นปกติ และยังสามารถใช้ไฟฟ้าได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เครื่องปั่นไฟและแผงโซลาร์เซลล์ ขณะเดียวกันพบว่ามีการกักตุนน้ำมันมากขึ้น จึงกำชับผู้ประกอบการห้ามจำหน่ายน้ำมันให้กับฝั่งตรงข้ามเด็ดขาด รวมถึงปิดช่องทางธรรมชาติที่กลุ่มกองทัพมดจะใช้เป็นช่องทางในการลักลอบขนส่งน้ำมันและสายสัญญาณโดยผิดกฎหมาย

“ภูมิธรรม” โต้ข่าวเมียนมาปิดด่านชายแดน ก่อนตัดไฟคุยแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลเมียนมาโต้กลับรัฐบาลไทย ปิดด่านชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) โดยปฏิเสธให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ข้ามแดนมายังประเทศไทย ว่าไม่น่าจะมีการตอบโต้ เพราะการดำเนินมาตรการนี้ได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อนแล้วที่จะร่วมมือกัน และภายหลังมีมติจากที่ประชุม สมช. ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังทางการเมียนมา เช่นเดียวกับฝ่ายทหารมีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของทางการเมียนมา ยืนยันการเข้า-ออกบริเวณด่านสะพานดังกล่าวยังเข้าออกได้ตามปกติ แต่ต้องมีการควบคุมสินค้าที่เป็นสิทธิต้องห้าม

วันนี้รถยนต์-รถจักรยานยนต์ ยังสามารถเข้ามาเติมน้ำมันในไทยได้ ยังอะลุ้มอล่วยเพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ขณะที่โรงพยาบาลเมียวดี ก็ประสานไปว่าหากมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลือ โรงพยาบาลแม่สอด พร้อมรับมาดูแลรักษา ส่วนมาตรการดังกล่าวจะยาวนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์ เราต้องการกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง เบื้องต้นวางกรอบเวลาไว้ประมาณ 6 เดือน และดูว่าช่วงไตรมาสแรกจะเป็นอย่างไร ต้องดูผลกระทบและตัดสินใจ

กต.แจงข่าวการเดินทางข้ามเมียนมา-ไทยยังปกติ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงตามที่ได้ปรากฏรายงานข่าวว่าทางการเมียนมาได้ออกคำสั่งระงับการเดินทางข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กไปยัง อ.แม่สาย ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2568 นั้นนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตได้ตรวจสอบจากทางการเมียนมาแล้ว ยืนยันว่ายังไม่มีการออกคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด โดยบุคคลสัญชาติเมียนมาที่ถือหนังสือเดินทางและมีวีซ่า ยังสามารถเดินทางเข้าไทยได้ปกติ

ทั้งนี้ ในวันนี้ (7 ก.พ.) บริเวณด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ยังมีบุคคลสัญชาติเมียนมาเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งด้วยบัตรผ่านแดน (border pass) และหนังสือเดินทาง นับร้อยราย กระทรวงการต่างประเทศจึงขอแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าว และขอยืนยันว่ารายงานข่าวบางกระแสที่ระบุว่าทางการเมียนมาสั่งระงับการเดินทางเพื่อตอบโต้มาตรการของไทยนั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

ตำรวจไซเบอร์พบคนไทยลอบส่งสัญญาณเน็ตบ้าน-ไฟฟ้า
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการลงพื้นที่ชายแดนด่านพระเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี วานนี้ (6 ก.พ.) ตรวจพบสายอินเทอร์เน็ตที่มีการลักลอบเชื่อมโยงออกจากผู้รับบริการชาวไทย ซึ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้าน ดัดแปลงสัญญาณส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยโยงสายข้ามไปชายแดน ซึ่งพื้นที่บ้านของผู้ลักลอบมีถนนคั่นกลางกับประเทศเพื่อนบ้านเพียง 3-4 เมตร

นอกจากนี้ยังพบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายเอกชน หันเสาไปยังเขตเพื่อนบ้าน เชื่อว่าการส่งสัญญาณลักษณะนี้ไม่ได้ส่งให้คนไทยตามแนวชายแดนใช้ จึงประสาน กสทช. เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังพบว่า มีการลักลอบจ่ายกระแสไฟข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนนี้ได้ประสานทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ จุดที่ลักลอบส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงจ่ายกระแสไฟฟ้า ห่างกับที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพียงไม่กี่เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว มีชาวจีนและคนไทยหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวหลายคน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย