กทม.ขยายระยะเวลา WFH ต่อเนื่องถึง 24 ม.ค.68

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – กทม.ขยายระยะเวลา WFH ต่อเนื่องจนถึง 24 ม.ค.68 เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นมีแนวโน้มสูงทั้งสัปดาห์ โรงเรียนสังกัด กทม. ผู้บริหารใช้ดุลยพินิจปิดโรงเรียนตามสถานการณ์ แจ้งปิดการเรียนแล้ว 21 แห่ง


นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม. ประกาศขยายระยะเวลา WFH เพิ่มเติม ในวันที่ 22 – 24 ม.ค.68 เพื่อลดการเดินทาง ลดปริมาณรถยนต์ในภาคการจราจร ซึ่งเป็นต้นตอหนึ่งของฝุ่นในกรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากการที่ กทม.ได้มีการประกาศขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนที่สะดวกทำงานที่บ้าน ร่วม WORK FROM HOME (WFH) ในวันจันทร์และอังคารที่ 20-21 ม.ค.68 และจะมีการประกาศขยายระยะเวลา WFH เพิ่มเติมต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค.68 หากสถานการณ์ฝุ่นยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น กทม. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยวานนี้ (20 ม.ค.) ณ เวลา 07.00 น. ภาพรวมปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐานทั้ง 50 เขต ดัชนีคุณภาพอากาศระดับสีส้ม 50 เขต ส่วนในวันนี้ ณ เวลา 07.00 น. ภาพรวมปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐานทั้ง 50 เขตเช่นกัน โดยดัชนีคุณภาพอากาศระดับสีแดง 2 เขต ส้ม 48 เขต และจากการพยากรณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 22-24 ม.ค.68 พบว่า 1. มีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป 2. อัตราการระบายอากาศไม่ดี คือ อยู่ระหว่าง 875-2,250 ตารางเมตรต่อวินาที (m2/s) โดยวันที่ 22 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 1,750 m2/s วันที่ 23 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 1,125 m2/s วันที่ 24 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 2,125 m2/s 3. คาดการณ์ทิศทางลมตะวันออกเฉียงเหนือ และ 4.จุดเผาภาคกลาง/ตะวันออก 5 วันติดต่อกัน (11-15 ม.ค.68) เกินวันละ 80 จุด ทั้งนี้ เนื่องจากมวลอากาศเย็นที่ยังคงปกคลุมพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้อากาศนิ่งและจมตัว และเกิดสภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. 68 เนื่องจากมีอัตราการระบายที่เพิ่มขึ้น


สำหรับท่านที่ไม่สามารถ WFH ได้ หรือมีความจำเป็นต้องออกจากบ้านอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขอให้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ฯลฯ ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งและตลอดเวลาที่ออกนอกอาคาร รวมถึงจำกัดระยะเวลาในการอยู่นอกอาคาร อย่างไรก็ตาม ควรงดทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมากหรือเป็นเวลานาน และต้องสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยสามารถเข้ารับบริการที่คลินิกมลพิษทางอากาศที่เปิดให้บริการทั้งหมด 8 แห่ง ดังนี้ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โรงพยาบาลนคราภิบาล (โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร) โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลสิรินธร

โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า ทุกคนยังสามารถมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษในวันที่กรุงเทพฯ มีฝุ่นสูง โดยเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ จอดรถไว้ที่บ้าน หรือทางเดียวกันไปด้วยกัน เพราะรถทุกคันมีส่วนต่อการสร้างฝุ่น การใช้ระบบขนส่งมวลชนจะสามารถช่วยลดฝุ่นจากยานพาหนะได้มาก นอกจากนี้ ขอชวนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และลดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น 1. หมั่นทำความสะอาดบ้านด้วยวิธีเช็ดฝุ่น 2.งดเผาขยะ งดจุดธูป 3.ปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับมลพิษดักจับฝุ่นละออง 4. เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ และ 5. ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ ตรวจและดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดีไม่ให้มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน

ด้านความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ปัจจุบันมีหน่วยงานร่วมเป็นเครือข่าย WFH กับทาง กทม. แล้ว 278 บริษัท รวม 96,307 คน คิดเป็น 48% จากเป้าหมาย 200,000 คน โดยหน่วยงานที่สนใจร่วมเป็นเครือข่าย WFH เพื่อลดฝุ่นจากการเดินทางไปพร้อมกับ กทม. สามารถลงทะเบียนได้ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951


ในส่วนของรถที่ขึ้นบัญชีสีเขียว (Green List) มีรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปขึ้นทะเบียน Green List แล้วประมาณ 31,041 คัน คิดเป็น 310% จากเป้าหมาย 10,000 คัน และแคมเปญรถคันนี้ #ลดฝุ่น ที่ได้เชิญชวนประชาชนร่วมดูแลรักษาเครื่องยนต์โดยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรองแล้ว 229,711 คัน คิดเป็น 46% จากเป้าหมาย 500,000 คัน ซึ่งช่วยลด PM2.5 จากภาคการจราจรแล้ว 12% ลดฝุ่นจากทุกแหล่งกำเนิดได้ 8% โดยหากมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรองครบ 500,000 คัน ตามเป้าหมายจะสามารถลด PM2.5 จากภาคการจราจรได้ 25%

ในส่วนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักการศึกษาได้มีการจัดทำแนวปฏิบัติและแนวทางการป้องกันฝุ่นและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยให้ผู้บริหารใช้ดุลยพินิจปิดโรงเรียนตามสถานการณ์ฝุ่นและเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของนักเรียน ปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครประกาศคำสั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สูง และคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว จำนวน 21 โรงเรียน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ม.ค.68 เวลา 11.30 น.). -417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]