นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน มั่นใจนโยบายปี 68 เกิดขึ้นได้จริง

แถลงผลงานรัฐบาล

NBT 12 ธ.ค.-นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน พร้อมมอบนโยบายปี 68 มั่นใจเกิดขึ้นได้จริงเป็นรูปธรรม เตรียมดันการศึกษาไทยไปเรียนรู้ต่างประเทศ ยันเงินหมื่นเฟส 2 ได้แน่ช่วงตรุษจีน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นแน่ ผุดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ผ่อน 4,000 บาท 30 ปี อยู่ยาว 99 ปี ย้ำทุกคนคือทีมเดียวกัน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 90 วันภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วม


โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 90 วัน นับจากวันที่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถือเป็นช่วงเวลาการปรับตัว ปรับการทำงาน ในฐานะนายกรัฐมนตรีถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ได้เข้ามาเรียนรู้ และทำเรื่องต่าง ๆ โดยหลังจากนี้อาจจะมีสิ่งที่แปลกใหม่เกิดขึ้น แต่วันนี้รัฐบาลเราทำงานเป็นทีม เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง และมองไปข้างหน้า เพื่ออนาคตของประชาชน การจะเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ต้องวางรากฐาน โครงสร้างสำคัญไว้ให้กับประเทศไทยในอีกทศวรรษข้างหน้า เพื่อให้ประเทศไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม จะสร้างสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นความฝันให้เกิดขึ้นจริงได้ ทำให้มีนโยบายกินได้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองมานานกว่า 20 ปี และวันนี้ทุกคนพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาแรก คือ ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ที่ปีนี้เจอปัญหาค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่มีดินโคลนถล่ม รวมถึงน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปเห็นด้วยตัวเองทำให้รู้สึกบางอย่างว่า เมื่อมีตำแหน่งที่มีเกียรตินี้แล้ว จะเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือ ประชาชนได้อย่างไรบ้าง ซึ่งการเยียวยาของรัฐถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ประชาชนเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกันการแก้ปัญหายังไม่บูรณาการ ไม่มีการพูดคุยกัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องแก้อันดับแรก คือ เปลี่ยนวิธีคิดแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งอย่างถาวร ทำให้น้ำมีทางออก ทุกฝ่ายต้องมาคุยกัน และอนาคตจะต้องวางแผนในระยะยาว ควบคู่กับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่เกิดปัญหานี้เช่นกัน เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ พร้อมกันนี้ จะแก้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนสามารถขุดลอกคูคลอง นำดินไปขาย เกิดอาชีพ เกิดรายได้ ซึ่งจะศึกษาเรื่องนี้ให้ละเอียด และการขุดลอกคูคลองจะต้องไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่ที่จะสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้


นอกจากนี้ โครงการขนาดใหญ่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างดี จึงต้องคิดใหญ่ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรับผิดชอบเรื่องนี้

ขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐาทวีสิน ได้กำหนด KPI ไว้ คือ จะต้องทำให้ฝุ่นเกิดขึ้นน้อยที่สุด เช่น จากการควบคุมการเผาไหม้ ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมพื้นที่เผาไหม้ลดลงได้ถึงร้อยละ 50 และจากการเทียบค่าฝุ่นจากปีที่ผ่านมาก็ลดลงค่อนข้างมากเช่นกัน พร้อมกันนี้จะมีนโยบายไม่รับซื้อสินค้าจากการเผาไหม้จากประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องจริงจังกับการไม่เผาอ้อย เพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน และเป้าหมายของรัฐบาล คือ ต้องการคืนอากาศที่ดีให้กับประชาชน คืนสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ปัญหายาเสพติด ที่ขณะนี้กลับมาระบาดในประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดักศักยภาพของคนไทยไว้ ดังนั้น รัฐบาลจะเอาจริงเรื่องนี้และประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบ และเฝ้าสังเกต โดยรัฐบาลจะทำแพลตฟอร์มให้ประชาชนทุกคนสามารถแจ้งเบาะแสแจ้งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยข้อความนั้นจะส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี ที่มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และใช้โมเดลจากจังหวัดน่าน และจังหวัดร้อยเอ็ด จากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไปพัฒนาในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ถ้าสามารถกำจัดอุปสรรคนี้ไปได้ คนไทยจะสามารถกลับมาสร้างอาชีพ และต้องเฝ้าระวังไม่ให้คนหันกลับไปใช้ยาเสพติดอีก โดยขอมอบหมายให้นายภูมิธรรมเวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้


นอกจากนี้ การทะลายทุนผูกขาดเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะแก้ไข เพราะการผูกขาดทำให้ประชาชนจนลง รัฐบาลจะปลดล็อคเรื่องการแก้กฎหมาย ลดขั้นตอนทำให้เกษตรกรมีโอกาสสามารถส่งเข้าออกข้าวได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยทำให้เอสเอ็มอีกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ขณะที่ค่าพลังงาน ค่าไฟ ที่มีภาระค่าใช้จ่ายซ่อนอยู่จำนวนมาก ดังนั้น ค่าพลังงานในปีหน้าทั้งหมดจะต้องลดลงอย่างแน่นอนโดยฝากให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานดูแลเรื่องนี้

ขณะเดียวกันจะสร้างโอกาสให้ประชาชนมีธุรกิจของตัวเอง เช่น ตลาดเครื่องดื่มของไทย มีการส่งออกมากกว่าปีละ 70,000 บาท รัฐสามารถเก็บภาษีได้มากกว่า 185,000 ล้านบาท โดยฝากเรื่องนี้ให้กับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงธุรกิจนอกระบบ ที่ตั้งใจจะนำธุรกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เสียภาษีได้ถูกต้อง เนื่องจากขณะนี้มีมูลค่ามากกว่าร้อยละ 49 ของจีดีพี ซึ่งเป็นช่องทางของมาเฟีย และช่องทางของคอรัปชั่น ทำให้รัฐไม่สามารถปกป้องประชาชนได้ แต่ถ้าทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เก็บภาษีได้อย่างเป็นระบบ ก็จะสามารถใช้ภาษีนั้นมาพัฒนาประเทศ โดยมอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายประเสริฐ รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต ประเทศไทยจะต้องเป็น AI ฮับของภูมิภาค เพื่อทำให้ต่างชาติเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจในอนาคตนี้ ซึ่ง AI จะเป็นโอกาสใหม่ให้กับประชาชน รัฐบาลมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มในส่วนของธุรกิจอนาคตทั้ง AI EV และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งประเทศเรากำลังเริ่มในเรื่องนี้ แม้จะเริ่มช้า แต่ไม่สายเกินไปอย่างแน่นอน เรากำลังสร้างคนไปเรียนรู้ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมสำหรับธุรกิจเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้นายประเสริฐ และนายพีรพันธุ์ไปดูแลเรื่องนี้

นอกจากนี้จะทำครัวไทยสู่ครัวโลก โลจิสติกส์ ซอฟต์พาวเวอร์ รวมถึงเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว เพื่อหาเม็ดเงินใหม่

ทั้งหมดนี้ ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะทำได้จริงปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตั้งแต่เล็กจนโตรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ นายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นใคร รัฐบาลไม่ว่าจะชุดไหน แต่นโยบายที่ดีจะต้องอยู่คู่กับคนไทย นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจ ทุกนโยบายหลังจากนี้ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 จะนำนโยบายที่ดีในอดีตมาใช้ เช่นโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน โดยจะใช้เงินจากกองสลาก จัดทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่เรียนดี เรียนเก่ง ไปเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อให้มีโอกาส และนำโอกาสนั้นกลับมาสู่ประเทศไทย โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งซัมเมอร์แคมป์ เพื่อออกไปเรียนซัมเมอร์แคมป์ในช่วงปิดเทอม เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม การเติบโต วิถีชีวิตของคนที่ไม่เหมือนเราโดยสิ้นเชิง ทำให้รู้สึกว่าเปิดโลก สร้างโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ โดยจะใช้เงินจากกองสลาก เพื่อเตรียมพร้อมเด็กสู่การเติบโตที่เข้มแข็ง แข็งแรง และมีการศึกษาที่ดี โดยจะเริ่มลงทะเบียนในปี 2568 โดยมอบหมายให้นายอนุทิน นายประเสริฐ และนายสุริยะ รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการ SML EMPOWERING THAIS กระจายอำนาจสู่ชุมชน ซึ่งรัฐไม่ได้อยากเข้าไปแทรกแซง แต่อยากให้คนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน เพื่อหาปัญหา และความต้องการด้วยตัวเอง โดยหลังจากนี้ จะกระจายอำนาจกระจายเงินไปสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มในปี 2568 และจะเพิ่มเงินในทุก ๆ ปี โดยดูจากผลประกอบการของแต่ละหมู่บ้านว่าสามารถทำเงินมาให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกธุรกิจ และการประกอบอาชีพที่ดีที่สุดให้กับหมู่บ้าน

นอกจากนี้จะมีโครงการซอฟต์โลนให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีกลับมายืนได้อย่างเข้มแข็ง

สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีความครบวงจร เช่น พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาจัดสรรทำเป็นบ้านขนาด 30 ตารางเมตร ให้คนไทยที่ไม่เคยมีที่อยู่อาศัย โดยจะไม่มีเงินดาวน์ แต่จะเป็นการจ่ายค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาทผ่อนระยะยาว 30 ปี มีสิทธิ์อยู่ถึง 99 ปี โดยปีหน้าจะมีบ้านตัวอย่างให้ดูขอให้อดใจรอ

ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน เพราะเมื่อดูเรื่องการเดินทางของรถไฟฟ้าหากคิดเป็นครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดทุกวันก็เป็นลมเหมือนกัน ดังนั้น ในปีหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะมาแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นมากว่าเราจะเติมเงินเข้าไปในระบบจากสภาวะเศรษฐกิจที่แย่ติดต่อกันหลายปี เพราะเงินในระบบไม่พอ จึงต้องมีการเติมเงินเข้าไป และมีการเติมเงินเข้าไปแล้วหนึ่งครั้งกับกลุ่มแรก 14ล้านคน ทำให้จีดีพีของไทยในไตรมาสที่4 เกิน 3% แน่นอน

ส่วนเฟสที่2 สำหรับผู้สูงอายุ 4 ล้านคนสามารถรับเงิน 10,000 บาทได้ไม่เกินตรุษจีน 2568 ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มารูปแบบของซองอั่งเปา แต่จะมาในรูปแบบของเงินสด

ขณะที่เฟสที่3 สำหรับบุคคลทั่วไป ไม่ได้ให้ในรูปแบบของเงินสดแต่จะให้ในรูปแบบของดิจิทัล ซึ่งก็มีคำถามจากหลายคนว่าทำไมไม่ให้เงินสด เพราะเงินสดง่ายดี แต่ความตั้งใจแรกตั้งแต่เริ่มนโยบายนี้คือการให้แบบดิจิทัลวอลเล็ต และทุกวันนี้ AI เข้ามามีบทบาทมาก นี่จึงเป็นเครื่องมือเชื่อมรัฐบาลกับประชาชน

พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การรับเงินเยียวยาหากไม่ใช้ระบบดิจิทัลต้องมีการยืนยันตัวตนนานเป็นเดือน แต่หากใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาอาจใช้ระยะเวลาเพียง2-5 วันในการระบุบุคคล พื้นที่ว่าได้รับเงินเยียวยาแล้วหรือยัง จึงถือเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะใช้ดิจิตอลวอลเล็ต ในการเปิดทางเชื่อมต่อกับประชาชน และไม่ใช่เพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างรวดเร็ว และตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้แน่นอนว่าในเฟสที่3จะเกิดขึ้นภายในปี 2568 อย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงการแก้หนี้ครัวเรือน ว่า เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เกิดขึ้นแทบทุกครัวเรือ ไม่ว่าจะเป็นหนี้รถยนต์หรือหนี้บ้าน ซึ่ง 2 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่โดนยึดตลอด จึงให้เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล ดังนั้นจึงมีการสร้างความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ตกลงกันลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟู 0.23% เป็นเงินกว่า 39,000 ล้านบาทต่อปี และธนาคารพาณิชย์สมทบ 39,00 ล้านบาท เพื่อนำเงินในกองทุนมาพักดอกเบี้ยให้ประชาชน 78,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี และเงินทุกบาทที่จ่ายจะเป็นการจ่ายเพื่อลดเงินต้น เมื่อจ่ายไปแล้วก็จะทำให้ดอกเบี้ยถูกลงด้วย

”ต่อจากนี้ทุกบาททุกสตางค์ที่ประชาชนทำงานได้จะเป็นการจ่ายเพื่อลดเงินต้น ทำให้ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้และพักภาระหนี้สินได้ ในช่วง 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลนี้ประชาชนต้องกินดีอยู่ดีเศรษฐกิจต้องดีขึ้น และการสมัครเข้าโครงการนี้จะเกิดขึ้นภายในปี 2568“ นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จากข้อมูล พบ 335,000 บัญชี ที่เป็นหนี้เอ็นพีแอลรัฐบาลจะช่วยลดภาระหนี้ตรงนี้ให้หลายคนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นบุคคลที่ทำถูกต้องตามกฏหมายและเดือดร้อนจริงๆโดยมอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับผิดชอบ

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือนโยบายที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้และเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้คณะรัฐมนตรี ทีมข้าราชการ และประชาชนเราคือทีมเดียวกัน เราทุกคนต่างมีหัวใจเดียวกันนั่นคือหัวใจที่รักประเทศไทย รักประชาชนคนไทย เราจะลดอำนาจของรัฐลงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้นคนไทยมี 66 ล้านคน ราชการมี 3 ล้านคน พอเทียบตัวเลขมีความห่างกันแต่ 3ล้านกว่าคนคือคนไกลที่สำคัญอย่างมากในช่วยการผลักดันประเทศ ขอให้ร่วมมือกันทุกภาคส่วนทำเพื่อ ประเทศไทย คนไทยที่เรารัก วางรากฐานที่เข้มแข็งให้กับลูกหลานของเราในอนาคตอีก 10 ปี 20 ปีขอให้ร่วมกันทำเพื่อประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะได้เห็นศักยภาพของคนไทย พร้อมย้ำปีหน้าเป็นปีแห่งโอกาสและมีความหวังด้วยกัน

หลังจากนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายที่ รัฐบาลจะทำในปี 2568 ให้รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 6 คนแล้ว จากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยออกเป็น 6 กลุ่มตามจำนวนของรองนายกฯรัฐมนตรี เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรี สรุปนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบ โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินร่วมทักทายพูดคุยกับ หัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าฯทั้ง 6 กลุ่ม

สำหรับการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 90 วัน นายกรัฐมนตรีใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยแบ่งออกเป็นสองช่วงคือสิ่งที่รัฐบาลได้ทำและสานต่อนโยบายจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน และส่วนที่สองคือนโยบายที่รัฐบาลจะทำในปี 2568 โดยแบ่งมอบงานให้รองนายกฯรัฐมนตรี 6 คน ที่กำกับดูแลงานแต่ละกระทรวงเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ และแจกงานให้กับหัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปขับเคลื่อน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]