นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

วปอ. 8 พ.ย.- นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น MOU 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณเกาะกูด ว่าในเรื่องของตัวกฎหมายเอง มันยังไม่เข้าสภาก็จริง แต่เราก็ยึดหลักนี้อยู่ เพราะเป็นหลักของการเปิดเสรีในการเจรจาเพื่อให้มีการเจรจาทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งมีการตกลงกันเพื่อจะมีการเจรจา ส่วนเรื่องการจะถูกฟ้องหรือโดนฟ้องหรือไม่นั้น เกิดขึ้นได้ หากมีการยกเลิกฝ่ายเดียว เพราะฉะนั้นการพูดคุยกันระหว่างประเทศสำคัญมากหากจะยกเลิก ถามว่ายกเลิกเพื่ออะไรและทำไม ถ้ายกเลิกแล้วความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่พวกเราคนไทยทุกคนต้องคิดในเรื่องนี้ ว่าถ้ายกเลิกจะมีผลอย่างไรระหว่างประเทศ ลองคิดในกรอบง่ายๆ สมมุติว่าเราเป็นเพื่อนกัน ถ้าจะยกเลิกบางอย่างที่เราแชร์ร่วมกันมา ก็ต้องตกลงกัน โอเค ว่าทำได้แต่มันไม่ควรที่จะยกเลิกฝ่ายเดียว เพราะมันจะเกิดปัญหาระหว่างประเทศเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการพูดคุยกันก่อนจึงต้องขอเวลาสักเล็กน้อย เพื่อจะคุยกันจริงๆไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ เพราะมีโอกาสได้เจอกับผู้นำกัมพูชาที่ไปประชุมจีเอ็มเอสที่ผ่านมาไม่มีอะไรเลย ซึ่งทางกัมพูชายังบอกเลยว่ามีอะไรให้กัมพูชาซัพพอร์ตประเทศไทยหรือไม่ ขอให้บอกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสื่อสารให้กับประชาชนเข้าใจมากกว่า ว่าเรายังไม่ได้เสียเปรียบอะไร จึงขอเน้นย้ำเรื่องนี้อีกรอบ

นายกฯ ระบุอีกว่า การขีดเส้นของทั้งสองประเทศไม่เหมือนกัน จึงเกิด MOU 44 ขึ้นซึ่งตอนนี้รัฐบาลอยู่ในขั้นตอนที่ว่า การตั้งคณะกรรมการเจทีซี ซึ่งคาดว่าหลังจากที่ตนกลับมาจากเอเปค ประมาณวันที่ 18 พ.ย. กอ้นที่จะนำเรื่องเข้า ครม. การตั้งคณะกรรมการก็น่าจะสำเร็จ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้บอกกัมพูชาไปแล้วว่าการตั้งคณะกรรมการจะเสร็จสิ้นน่าจะประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งทางกัมพูชาก็โอเค และจะคุยกันทุกอย่างผ่านคณะกรรมการฯ


ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า MOU44 ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องพูดคุยหารือกันในสภาก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามันสมบูรณ์แล้ว ถูกหรือไม่ ขอให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ข้อมูลเรื่องข้อกฎหมายเพื่อความชัดเจน

โดยนายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า MOU44 นี้ เป็นข้อที่ได้พูดคุยเพื่อให้ทุกคนเป็นข้อตกลงกันเรื่องการขยายไหล่ทวีปมาโดยไม่จำเป็นต้องเข้าสภา แต่หากมีการตกลงกันเรียบร้อย หากจะต้องมีสนธิสัญญาจะต้องนำเรื่องเข้าสภาอีกครั้ง อันนี้ถือเป็นความสมบูรณ์ในตัวมันเองแล้วเป็นข้อตกลงร่วมกัน เรื่องการประกาศเขตแดนของกัมพูชาเมื่อปี 2515 และของไทยประกาศปี 2516 ต่างฝ่ายต่างมีเส้นอยู่ MOU จึงมาตกลงกันว่าอยู่ตรงไหน ยังไม่จบเรื่องอธิปไตย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า MOU นี้ไม่ได้เป็นตัวชี้ ว่าเป็นของฉันหรือของเธอ แต่เมื่อของเราไม่เหมือนกัน เราต้องพูดคุยกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าสภา เพราะตกลงกันระหว่าง 2 ประเทศเรียบร้อยแล้ว เข้าใจตรงกัน แต่ถ้ามีข้อตกลงเพิ่มเติม จึงต้องตั้งคณะกรรมการคุยกันต่อให้เป็นกิจลักษณะ เรื่องการขีดเส้นแบ่งเรียบร้อยแล้ว ค่อยนำเรื่องเข้าสภา


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแต่ไทยเราจะยึดหลักอะไร เพราะไทยอยู่ในสนธิสัญญากฎหมายทางทะเลของอาเซียน แต่กัมพูชาไม่ได้อยู่ จะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สนธิสัญญาที่เจนีวาประกาศทางทะเล ไม่ว่ากัมพูชาจะเข้าหรือไม่ก็ต้องยอมรับสนธิสัญญานี้ เพราะฉะนั้นในการเจรจาทั้งหมดจะต้องอยู่ในกรอบนี้เพราะถือว่ากรอบดังกล่าว ครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก เพราะฉะนั้นยังไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลยซึ่งในสนธิสัญญานี้ได้พูดชัดเจนและได้แสดงออกชัดเจนว่า เป็นสนธิสัญญา เป็นข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อจะเจรจา เรื่องเขตแดนโดยสันติ วัตถุประสงค์และเป้าหมายมีแค่นี้เอง หลังจากคุยกันแล้วถ้าได้ผลอะไรก็มาว่ากันอีกที ต้องรีบตั้งคณะกรรมการของเราก่อน ซึ่งทางกัมพูชามีคณะกรรมการอยู่แล้ว เมื่อตั้งเรียบร้อยก็จะเริ่มมีการเจรจากันซึ่งมี2 ส่วนที่ผูกพันกันคือผลประโยชน์ทางทะเลและเขตแดนที่ชัดเจน

ทั้งนี้ดูเหมือนว่าทางพรรคพลังประชารัฐก็จะนำเรื่อง MOU44 ไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลควรจะชะลอเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีผลผูกพันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเข้าใจซึ่งเราสามารถชะลอได้เลย แต่ที่เราต้องมีคือคณะกรรมการ เพราะฉะนั้นทางกัมพูชาก็จะไม่ทราบว่าจะคุยอย่างไร มันก็จะเป็นหลักฐานในการพูดคุย การตั้งคณะกรรมการเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องเร่งในเรื่องเดียวคือการตั้งคณะกรรมการ ส่วนในเนื้อหาข้างในยังไม่ต้องเร่ง ซึ่งทางกัมพูชาก็พูดเช่นเดียวกันว่าไม่มีอะไรเลยแต่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งการตั้งคณะกรรมการให้เสร็จก็จะง่ายขึ้นทุกอย่างจะถูกตรวจสอบและพูดคุยกันทั้ง2 ประเทศจะเกิดความแฟร์ เกิดความเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นข้อมูลที่ประชาชนอยากได้ก็จะครบถ้วนมากยิ่งขึ้น เราต้องคุยทั้งสอง ซึ่งคณะกรรมการเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นสิ่งที่ต้องเร่งมากที่สุด

ส่วนที่กองทัพเรือเผยแพร่คลิป เส้นเขตแดนของเกาะกูดของไทยแต่ 200 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูดนั้นจะมีปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหา ซึ่งจะให้ทางเลขาส่งแผนที่ไปให้สื่อมวลชน จะได้เห็นความชัดเจนเรื่องการแบ่งเส้นแดนของกัมพูชาขีดเส้นเมื่อปี 2515 กับที่ไทยขีด 2516 ไม่เหมือนกัน โดยกัมพูชาขีดเส้นอ้อมเกาะกูดชัดเจนดังนั้นเกาะกูด จึงไม่อยู่ในนิโคลซิเอชั่น(การเจรจาต่อรอง) นี้เลย ทางกัมพูชาจึงไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้เลย เพราะเกาะกูดเป็นของเราอยู่แล้ว เมื่อกัมพูชาเห็นก็ไม่อยากมีปัญหาได้ขีดเว้นและอ้อมเกาะกูดของเราไว้ชัดเจน เรื่องเกาะกูดไม่มีปัญหาแน่นอน ไม่มีจริงๆ เป็นในลักษณะถ้วยขนมครกเลย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จำเป็นต้องให้เรื่องในสภาพูดคุย MOU 44 ให้ชัดเจนก่อนที่จะเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อน เกี่ยวกับปิโตรเลียมและพลังงานใต้ทะเลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ใช่ ต้องให้ชัดเจนก่อนเราจะไม่สามารถทำไปได้เลยเพื่อให้เกิดความชัดเจนระหว่างประเทศจะไม่เกิดปัญหา ส่วนด้านล่างเป็นของมาเลเซียก็พูดคุยกันได้ ตกลงกันเข้าใจ .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]

ร่างแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จแล้ว นายกฯ ลุกแจงเอง-ไร้องครักษ์

พรรคภูมิใจไทย 22 ก.ย.- ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” เสร็จแล้ว มี 8 หน้า นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงเอง-ไม่มีองครักษ์ หลังเพื่อไทยจัด 4 ขุนพลเตรียมชำแหละ แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ขณะนี้ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงและชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติและการเยียวยา โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะมีการปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้จะมีการหยิบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มา เช่น หวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย […]

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]

“อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย

สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.- “อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย ชี้เป็นหัวใจระบบเศรษฐกิจ บอกเคยเป็น Banker มาก่อน ระบุความเห็นเอกชนเป็นประโยชน์ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือดันไทยก้าวสู้ศูนย์กลางอาเซียน-ภูมิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่า วันนี้ตนและทีมงานเศรษฐกิจต้องขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ตั้งใจมาพบกับทุกท่านหลังจากที่มีความชัดเจน ในการจัดตั้งรัฐบาล และตนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ในการคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของตน ซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และวันนี้มีความจำเป็นต้องพบปะ สถาบันหลัก ทางเศรษฐกิจโดยสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะตนก็ออกจากวงการนี้ไปนาน เมื่อไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่เป็นมืออาชีพ […]