ทนายบอสพอล พบ “กันต์” ครั้งแรก-รวมทีมทนายสู้คดี

บอสกันต์

31 ต.ค.- ทนายบอสพอล เตรียมพูดคุยกับ “บอสกันต์” ครั้งแรก หลังได้รับแต่งตั้งเป็นทนายทั้ง “บอสพอล-บอสกันต์-บอสแซม” ส่วน “บอสมิน” มีทนายอีกชุดดูคดี พร้อมเตรียมยื่นนำพยานแม่ข่ายกว่า 2,000 คน ให้ดีเอสไอสอบ


นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท The Icon Group เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าปรึกษาหารือเรื่องคดีความกับบอสพอล โดยทนายวิฑูรย์กล่าวว่า วันนี้มีนัดคุยกับทีมทนายความหลายทีมภายในเรือนจำ เบื้องต้นประเด็นหลัก ๆ คือการมอบหมายส่งงานการแจ้งความนักร้องสาวให้ทีมงานอีกชุดทำต่อ รวมทั้งจะมีการประชุมแบ่งงานกันว่าทนายแต่ละคนจะทำหน้าที่เรื่องอะไรบ้างและยื่นหนังสือแต่งตั้งทนายให้บอสกันต์ กันตถาวร เซ็น เพื่อให้ทนายทุกคนทำงานเป็นทีมงานทีมเดียวกัน ทนายความสามารถคุยกับผู้ต้องหาได้ทุกคน จะไม่มีการแบ่งแยกแล้วว่าทนายดูแลแค่คนใดคนหนึ่ง แม้ผู้ต้องหาแต่ละคนจะมีทนายความเฉพาะบุคคล แต่โดยภาพรวมทีมทนายความจะร่วมดูแลคดีทั้งหมด 18 คน ซึ่งรูปแบบการต่อสู้คดีจะเป็นรูปแบบเดียวกันและทำงานคล่องตัวกันมากขึ้น โดยการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในวันนี้ นอกจากจะพูดคุยกับบอสพอลแล้ว ตนจะพูดคุยกับบอสกันต์และบอสแซมด้วย ส่วนบอสมิน พีชญา จะเป็นทนายความอีกชุดหนึ่งเป็นคนคุย

ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีกลับบุคคลที่ได้รับออเดอร์นั้น ทีมที่ดำเนินการฟ้องกลับเพิ่งได้รับหนังสือมอบอำนาจในวันนี้และเตรียมจะดำเนินการยื่นหนังสือให้ DSI ซึ่งหากบอสพอลสามารถเซ็นเอกสารที่ตัวเองจำเป็นต้องส่งให้ DSI ทันภายในวันนี้ ก็จะรีบไปยื่นเพื่อเปิดหัวเรื่องแก่ DSI ในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนที่จะให้ทีมที่ดำเนินการฟ้องกลับมาดำเนินการต่อ


นอกจากนี้ อีกเป้าหมายหนึ่งในการเข้าพบ DSI ในช่วงบ่ายวันนี้ คือเรื่องการหารือเกี่ยวกับการนำพยานฝั่งของตนเองไปให้ปากคำกับ DSI สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ตนได้มีการประชุมกับบรรดาแม่ทีมฝั่งตนเองทุกสายถึงความพร้อมในการนำพยาน 2,000 กว่าคนเข้ามาให้ปากคำกับ DSI โดยจะต้องหารือกับทาง DSI ว่า มีความพร้อมในการสอบปากคำพยานวันละกี่คน เพื่อจะได้จัดสรรจำนวนพยานในแต่ละวันไปให้ DSI สอบปากคำจนกว่าจะครบ

ส่วนการนำพยาน 2,000 กว่าคนมาให้ DSI สอบปากคำเป็นการประวิงเวลาคดีหรือไม่ ทนายความยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาได้เน้นการสอบปากคำฝั่งผู้เสียหายหรือผู้กล่าวหาฝ่ายเดียวมากกว่า ส่วนฝั่ง The icon นั้นสอบปากคำเพียงแค่ผู้ต้องหา 18 รายและพนักงานในบริษัท ยังไม่มีการสอบปากคำนักธุรกิจที่ทำธุรกิจกับ The icon จริง ๆ เลย ทั้งนี้พยาน 2,000 กว่ารายนั้น ใครจะให้ปากคำแบบไหนก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวและเป็นเรื่องของพยานแต่ละบุคคล แล้วส่วนตัวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การให้ปากคำของพยานฝั่งตนนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่มากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่าไม่มีการกำหนด Pattern เหมือนฝั่งผู้เสียหาย ขณะที่ทาง DSI จะสามารถรองรับการสอบปากคำนี้ได้หรือไม่ ทนายมองว่าถ้ารับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ เพราะต้องให้โอกาสฝั่งตัวเองชี้แจงด้วย

ส่วนกรณีที่มีแม่ข่ายบางคนถอนแจ้งความแล้ว ทนายมองว่าตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะว่าตำรวจได้ดำเนินการส่งมอบคดีให้ DSI ไปแล้วตามขั้นตอน คดีก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป


สำหรับกรณีฟอกเงินนั้น เชื่อว่าทาง DSI จะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องขัง 18 ราย เร็วๆ นี้ เพื่อให้ผู้ต้องขังถูกคุมขังนานขึ้น เนื่องจากจะเป็นการขยายระยะเวลาการฝากขังเป็น 84 วัน

ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินที่ DSI บอสพอลโอนเงินให้แม่ของนักการเมือง ส. 2.5 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ที่รับข้อมูลสอบถามทราบว่า เป็นเพียงเงินโอนไปร่วมทำบุญทุกเดือน เพราะทั้งสองฝ่ายรู้จักและสนิทกัน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียงที่มีลักษณะคล้ายเป็นการเรียกรับเงินก่อนหน้านี้ ซึ่งหาก DSI สงสัยในเงินจำนวนนี้ก็สามารถมาสอบถามตนเองได้ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามย้ำอีกว่า มีการโอนเงินให้แม่นักการเมือง ส. ทุกเดือนใช่หรือไม่ ทนายความตอบว่า ไม่ทราบเส้นทางการเงิน เพราะไม่เห็นหลักฐานนี้เช่นเดียวกัน

ส่วนการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นๆ จะมีการพูดคุยกับทีมทนายความต่อไปว่าก่อนการทำงานอย่างไวที่สุดจะทำได้เมื่อไหร่ โดยล่าสุดทีมของตำรวจสอบสวนกลางได้เข้ามาพูดคุยกับตนเองว่า จะช่วยถอดคลิปเสียงที่ถูกเรียกรับผลประโยชน์ให้ โดยให้ทนายเป็นผู้จัดกลุ่มไฟล์เสียงส่งให้ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองแทบไม่ได้นอนเลย เพราะต้องฟังไฟล์เสียงที่มีความยาวหลายชั่วโมง

สำหรับกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) มีเจ้าหน้าที่ DSI เข้ามาสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำนั้น ทนายยืนยันว่า พบเจ้าหน้าที่ DSI มาจริง แต่เป็นการพูดคุยกับบอสพอล เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายสินบน ไม่ใช่สอบปากคำเข้าสำนวน ซึ่งทางบอสพอลให้ข้อมูลกับทาง DSI ว่าไม่มีการจ่ายสินบนในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]