“อภิสิทธิ์” ไม่แปลกใจ ปชป. ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

กรุงเทพฯ 31 ส.ค.-“อภิสิทธิ์” ไม่แปลกใจ “ปชป.” ร่วมรัฐบาล “เพื่อไทย” เหตุเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว รับทำกระทบจิตใจแฟนคลับรุนแรง เย้ยเข้าไปแค่ตำแหน่ง เมินถูกกล่าวหาเป็นแพะ ประชาธิปัตย์ไม่มีผู้บริหารปี 53 อยู่แล้ว เพราะรู้เป็นเหตุความขัดแย้ง ยันกลับมากู้ศรัทธา เมื่อมีอุดมการณ์แบบเดิม


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยว่า สิ่งแรกต้องบอกว่าไม่ได้แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มองเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว และจริงๆแล้วเป็นเหตุผลที่วันที่ตนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่เข้าไปคุยกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน ก็เข้าใจว่าทิศทางจะเป็นอย่างนี้ ตนถึงได้ตัดสินใจที่จะลาออกมาเพราะฉะนั้นเลยไม่ได้เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร และทราบมาตลอดว่า มีความพยายามในการติดต่อกันมาแบบนี้

“ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นเวลานานและผูกพันอยู่กับพรรค เช่นเดียวกับคนอีกจำนวนมากซึ่งยังคบหาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ก็ต้องบอกว่า การกระทำครั้งนี้ กระทบกระเทือนจิตใจของสมาชิก อดีตสมาชิก และผู้สนับสนุนจำนวน และจะสังเกตุเห็นว่าในบรรดาบุคคลที่ไม่เห็นด้วย ในการลงมติเข้าร่วมรัฐบาลก็เป็นอดีตหัวหน้าพรรคฯ ทั้งสามคนที่ยังมีตำแหน่งอยู่ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นปฎิเสธไม่ได้ว่าคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ในแง่คนที่เคยสนับสนุนพรรคมาอย่างยาวนาน และในช่วงหนึ่งถึงสองวันที่ผ่านมา ที่มีคนมาพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็นกับผมไปในทิศทางเดียวกันหมด แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็กลายเป็นทิศทางของพรรค ที่ผู้ที่เป็นผู้บริหารก็ต้องเดินหน้าและรับผิดชอบ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้ง ในอดีตหรือการยึดติดกับเรื่องเก่าอันนี้เป็นเรื่องที่เขากระทบกระเทือนจิตใจ มองว่ามันขัดกับความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดถือกันมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นแง่ของอุดมการณ์ที่เคยประกาศไว้ ในการตั้งแต่ก่อตั้งพรรคกับแนวทางที่พรรคทำงานทางการเมืองมาตลอด ตนขอย้ำว่าประชาธิปัตย์ที่อยู่ได้มาอย่างยาวนานในอดีตที่ผ่านมา มีเหตุผลหลักๆ นอกเหนือจากแนวคิดแนวทางในการทำงานแล้ว คือการพร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และไม่ได้มุ่งแสวงหาในเรื่องของอำนาจโดยไม่มีเงื่อนไข นี่คือสิ่งที่ทำให้เป็นความแตกต่างกับหลายหลายพรรคในอดีต และจะสังเกตเห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปก็ยากที่จะกอบกู้ศรัทธากับคืนมา

“ผมสันนิษฐานว่า ทางผู้บริหารพรรคฯ เขาก็มีเหตุผลของเขาแต่ไม่แน่ใจว่า แนวความคิดที่มองว่า เป็นรัฐบาลการเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว ช่วยสร้างผลงานจะช่วยสร้างผลงานหรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อที่จะเรียกคะแนนนิยมมาเป็นจริงได้ แล้วเนื่องจากจริงๆแล้วสังคมก็มองเห็นชัดเจนว่าการเข้าไปครั้งนี้ ไม่ได้มีผลในเชิงเสถียรภาพของรัฐบาลเพราะไม่มีพรรคประชาธิปัตย์รัฐบาลก็มีเสถียรภาพอยู่แล้ว และการเข้าไปร่วมครั้งนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีนโยบายอะไรที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าไปผลักดันในตำแหน่งที่ได้มา ที่จะทำให้คนมองเห็นว่าไปสร้างความแตกต่างเปลี่ยนแปลง แต่เป็นเรื่องที่ผู้ที่ตัดสินใจจะต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป ดังนั้นผมมองว่าการกระทำครั้งนี้ ส่งผลค่อนข้างรุนแรงกับบรรดาผู้สนับสนุนพรรค ที่สนับสนุนมายาวนาน ผมต้องติดตามไปต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแง่ของผลจากการตัดสินใจครั้งนี้และความรับผิดชอบที่จะตามมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เลขาธิการพรรคฯ ชุดปัจจุบันระบุว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้มาโดยตลอดจึงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อให้พรรคเติบโต อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เดี๋ยวรอพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าในการพ่ายแพ้ที่ผ่านมา ทุกคนก็พูดชัดเจนว่า หลายครั้งเราอาจจะทำด้วยวิธีอื่น แล้วก็ประสบความสำเร็จมากกว่านี้ก็ได้ แต่ความเป็นประชาธิปัตย์ทำให้เราไม่ทำ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตนขอย้ำมีคำว่าพี่ประชาชนที่ประชาธิปัตย์อยู่มายาวนานไม่ใช่เพราะว่าอะไรก็ได้ เพื่อก้าวเข้าสู่อำนาจ


เมื่อถามว่า มีการอ้างว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้เพราะผู้บริหารเมื่อปี 53 ไม่อยู่ในพรรคแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะมอง ตนไม่ไปตอบโต้หรือวิจารณ์อะไร เพราะ เรื่องตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องผู้บริหารยุคในยุคหนึ่ง กรณีนี้เป็นเรื่องของอุดมการ แนวทางของพรรคที่ทำกันมาช้านาน สำหรับตนจึงอยู่ที่จริงอยู่ที่คนอาจจะบอกว่า พรรคแต่ละยุคแต่ละสมัย อยู่ที่ตัวคนหรืออยู่ที่ผู้บริหารความจริงสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวเพราะบุคคลไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้า ให้ความเป็นพรรคเป็นพรรคได้คือความคือ ความคิดอุดมการอุดมการณ์ ตนไม่ได้เป็นสมาชิกแล้วแต่ตนคิดว่าตนยังยึดถืออุดมการประชาธิปัตย์อยู่

เมื่อถามย้ำว่า การอ้างเช่นนี้เหมือนกับ ให้นายอภิสิทธิ์เป็นแพะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ติดใจอะไรเพราะเหตุผลหนึ่งที่ตนลาออกมาจากพรรค เพราะรู้ว่าจะเป็นความขัดแย้งเป็นปัญหาและตนถือว่าเมื่อพรรคได้เลือกผู้บริหารชุดนี้ก็ต้องให้เขาทำงานอย่างเต็มที่แต่จริงๆ การตัดสินใจเข้าไปร่วมโดยไม่ร่วมตนคิดว่าสังคมก็มองไปในทางเดียวกันว่า ความจำเป็นมันไม่มี แต่เป็นเรื่องของการอยากเข้าสู่อำนาจมากกว่าหรือความเชื่อ ที่ว่าการจะประสบความสำเร็จทางการเมืองได้ต้องเข้าไปมีอำนาจ

เมื่อถามว่า มีการมองว่าระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยก็ต่อสู้กันมายาวนาน สุดท้ายจบแค่ที่ว่ามีอำนาจร่วมกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่าไปเจาะจงเฉพาะประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าตั้งแต่การเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา คนจำนวนมากที่สนับสนุนหลากหลายพรรค ก็มีความรู้สึกว่ามีการละทิ้งหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เคยบอกกับสมาชิกหรือผู้สนับสนุนไว้ ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พรรคประชาชน(ปชน.) ถูกมองว่าจะมีความเข้มแข็งขึ้น เพราะไม่ได้เข้ามาอยู่ในขบวนการแบบนี้และต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย สำหรับตน พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในจุดที่น่าจะมีโอกาสในการสร้างพื้นที่ใหม่ทางการเมือง สำหรับประชาชนที่เขามีความรู้สึกว้าเหว่ ว่าความเชื่ออุดมการณ์ ความคิดที่อยากทำการเมืองที่ดีหายไปมันหายไปเกือบหมด และอาจจะไม่ได้เห็นตรงกับพรรคประชาชนในหลายเรื่อง

เมื่อถามว่า มองว่าการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้อะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้ตำแหน่ง

เมื่อถามว่า ตอนนี้ตอนนี้เหมือนบางคนมองว่าการเมืองวิปริต วิกฤติอุดมการแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นสภาพการเมืองเป็นอย่างนี้มาระยะหนึ่งแล้ว พอผ่านพ้นตรงนี้ไปแล้ว สิ่งที่ไปผลไปทำหน้าที่รัฐบาลตอนนี้ ต้องทำอย่างเดียวคือสร้างผลงานให้กับประชาชน ที่จะหาทางเรียกคะแนนนิยมกลับมาสำหรับตนสิ่งที่น่าเสียดายคือ ประเทศอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างจะมีปัญหาในเชิงโครงสร้างเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขีดความสามารถทางการแข่งขัน ความเหลื่อมล้ำ สังคมสูงวัย และอีกหลายอย่าง ซึ่งกำลังต้องการระบบการเมืองที่ดีเข้ามาจัดการ ทั้งประสิทธิภาพและคุณธรรมแต่ขณะนี้ ในรอบปีกว่ากว่าที่ผ่านมาเกือบทุกองค์กรทุกสถาบัน กำลังถูกตั้งคำถามทั้งกระบวนการยุติธรรม นโยบายที่ใช้ในการหาเสียง สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนศรัทธา และการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะทำให้การบริหารประเทศแก้ปัญหายากๆ ได้

เมื่อถามว่า จะมองว่าจะทำให้คนที่อกหักจากพรรคประชาธิปัตย์ไปเลือกพรรคประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ตนได้พูดไปแล้วว่า พรรคประชาชนอยู่อยู่ในจุดที่ค่อนข้างได้เปรียบในแง่ที่ว่าประชาชนมองว่า พรรคการเมืองต่างๆวนเวียนและอยู่ในและอยู่ในวังวนของการแย่งชิงอำนาจ โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความคิดอุดมการณ์ ใครจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่สำหรับ ผู้สนับสนุนพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ขณะนี้ เขามองว่าเป็นเรื่องเดียวกันเป็นเนื้อเดียวกัน จะอ้างอย่างเดียวคือ พรรคเผื่อป้องกันไม่ให้พรรคที่เป็นฝ่ายค้านอยู่มาเป็นรัฐบาล แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกวันนี้ไปเพิ่มความเข้มแข็งให้กับพรรคที่เป็นฝ่ายค้านอยู่ ส่วนคะแนนจะสวิงหรือไม่ ตนไม่ได้อยู่ในการเมืองแต่ได้พบปะกับผู้คนคิดว่าคนจำนวนมาก มีความรู้สึกที่ขณะนี้มีความรู้สึกว่าเขาไม่มีทางเลือกแต่ถ้าเขาแต่ถ้าเขาก็คงเลือก พรรคที่ยังไม่มีแผล ยังไม่มีประเด็นในเรื่องของการที่จะค่อยทำอะไรที่มองว่าเป็นการทรยศ ต่อความคิดความเชื่อของคนที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า ในมุมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้อาจจะกระทบกับฐานเสียง โอกาสในการจะฟื้นฟูกอบกู้พรรคกลับมาคิดว่ามีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่า ควรจะตัดสินใจทำตามฐานเสียงเสมอไป ปัญหามันอยู่ที่ว่าฐานเสียงด้วยเหตุผลอะไรและรับฟังได้จริงหรือไม่ อย่างที่ตุ่นบอกว่าไม่ได้มีความจำเป็นในการเสริมเสถียรภาพของรัฐบาลยังมองไม่เห็นว่านโยบายที่จะเข้าไปผลักดันที่เป็นรูปธรรมที่ประชาชนจะเข้าใจรับรู้ได้ว่าเป็นเรื่องของประชาธิปัตย์จริงๆ คืออะไรเพราะฉะนั้นจึงทำให้ตรงนี้เป็นเรื่องยากลำบากในการที่จะกอบกู้ศรัทธากับคืนมา

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะกลายเป็นพรรคต่ำ 10 หรือสูญพันธุ์ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนว่าไม่มีใครทราบแต่ก็หนักใจแทนผู้บริหารอยากจะบอกว่าตรรกะที่บอกว่าถ้าเข้าไปมีอำนาจแล้วมีผลงานซึ่งก็ใช้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 62 ซึ่งตนพูดตั้งแต่ตอนนั้นว่ามันไม่ใช่สำหรับผู้ที่สนับสนุนพรรคมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ คือเรื่องของจุดยืน เรื่องของความมั่นคง และหลังอ้างอิงในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ

เมื่อถามว่า โอกาสที่นายอภิสิทธิ์ จะกลับมากอบกู้พรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพูดไปแล้วว่าตนไม่ได้คิดตั้งพรรค ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่แล้วแต่ตอนจะกลับมาประชาธิปัตย์ได้ ก็ต้องเป็นอุดมการประชาธิปัตย์แบบที่ตนเข้าใจ

เมื่อถามว่า มีการพูดถึงว่าพรรคประชาบอบช้ำใกล้จะตาย แต่จะกลับมาฟื้นใหม่ได้โดยมีนายอภิสิทธิ์กลับมากอบกู้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครทราบอนาคตและการจะกอบกู้อะไรต่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เวลาให้เวลาในขณะนี้เป็นตัวพิสูจน์ก่อนว่าแนวทาง ที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันเชื่อในทที่สุดมันเป็นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริงหลายคนที่วิเคราะห์ก็ผิด และพรรคก็เติบโตไปแต่สำหรับตนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร กับการเติบโตด้วยวิธีแบบนี้ จึงอยู่ที่ผู้บริหารเขาจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามว่า มีโอกาสสำหรับพรรคประชาธิปัตย์บนเส้นทางการเมืองที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ด้วยความที่ตนอยู่กับพรรคมานานมาก และรู้จักกับทุกคนที่สนับสนุนไม่มากก็น้อยมาโดยตลอด ตนยังเชื่อว่ามีคนจำนวนมาก ยังมีความผูกพัน ยังมีความรักความเป็นประชาธิปัตย์แบบที่เขาเคยรู้จัก ผมวันข้างหน้าตนจะกลับมาตรงนั้นได้หรือไม่ ก็เป็นโจทย์ที่ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ละทิ้งอุดมการณ์ และคำขวัญของพรรคไปหรือไม่ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยเขาบอกเองว่าประชาธิปัตย์ วันนี้ไม่ใช่ประชาธิปัตย์วันก่อน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าอุดมการณ์คล้ายกันแล้วนั้น ก็ต้องถามพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นคนเขียนหนังสือเชิญเข้าร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า ในฐานะที่นายอภิสิทธิ์ อยู่กับพรรคมานาน และต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยมายาวนานคิดว่า สองพรรคนี้คืออุดมการณ์คล้ายกัน หรือเป็นอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กาว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเขามองว่า พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปแล้ว ต้นก็มองว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปลี่ยน ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง และสิ่งที่หลายคนไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชาชนออกไปต่อสู้ และหลายเรื่องเป็นสิ่งที่ศาลพิพากษาแล้วก็ยังคงดำรงต่อไปเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยจนถึงปัจจุบัน.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชาวแม่อายกังวลพบสารหนูในร่างกาย สธ.ยันไม่เกินมาตรฐาน

เชียงใหม่ 8 ก.ค. – หลังชาวบ้านริมลำน้ำกก บริเวณชายแดนด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เครียดและกังวลกับปัญหาสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกก ส่งผลต่อวิถีชีวิตและการใช้น้ำมานานกว่า 3 เดือน ตอนนี้ชาวบ้านยิ่งตื่นกลัวมากขึ้น หลังมีกระแสข่าวการสุ่มตรวจปัสสาวะเด็กในชุมชนอย่างน้อย 2 คน พบสารหนูในร่างกาย ขณะที่สาธารณสุขเชียงใหม่ ยอมรับการสุ่มตรวจกลุ่มเสี่ยง 10 ราย พบสารหนู 9 ราย แต่ไม่เกินมาตรฐาน.-สำนักข่าวไทย

ค้นรัง “ก๊กอาน” เจ้าพ่อคราวน์กาสิโน คนสนิท “ฮุนเซน”

8 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ “ปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร” ค้น 19 จุด 3 จังหวัด เครือข่าย “ก๊กอาน” เจ้าพ่อคราวน์กาสิโน คนสนิท “สมเด็จฮุน เซน” ตามหมายจับสมคบกันก่ออาชญากรรมข้ามชาติ พัวพันในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต กัมพูชา.-สำนักข่าวไทย

ทบ.พาสื่อทัวร์ปราสาทตาเมือนธม ปัดโต้กัมพูชากล่าวหาไทยรุกราน

สุรินทร์ 8 ก.ค.- ทบ. พาสื่อทัวร์ปราสาทตาเมือนธม หวังเรียกนักท่องเที่ยวดูโบราณสถาน มองเป็นเรื่องดี หลังประชาชนทะลักเข้าชมปราสาท เผยไม่โต้กัมพูชากล่าวหาไทยรุกราน มุ่งยึดการสื่อสาร ไทย-กัมพูชา ไม่พัฒนาไปสู่ความตึงเครียด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม ว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยากให้พาสื่อมวลชนส่วนกลางมาลงพื้นที่ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี โดยอยากให้สื่อสัมผัสกับพื้นที่จริง 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนที่ 2 เรื่องของพื้นที่ส่วนหลังในเรื่องความพร้อมต่าง ๆ ที่ทางทหารและฝ่ายปกครองได้เตรียมความพร้อมกันไว้ ซึ่งปราสาทตาเมือนธมเป็นจุดแรกที่เป็นจุดที่มาลงพื้นที่หลังฟังคำบรรยายของกองกำลังสุรนารี โดยส่วนหนึ่งที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถาณที่สำคัญ ตามจริงเราขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมถึงได้มีการมอบสิ่งของบำรุงขวัญและให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ผ่านมามีปากเสียงกันในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ได้มีการรับรายงานเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับรายงาน ส่วนที่ผ่านมาก็เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้รับข้อมูล ถือว่าไม่ได้อยู่ในจุดที่น่ากังวล ผู้ปฏิบัติงานทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ก็สามารถใช้ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ […]

“แพทองธาร” ชูแนวคิดวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ยกระดับสู่เวทีโลก

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 8 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดโครงการการประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ SPLASH – Soft Power Forum 2025 ชี้วัฒนธรรมไทยมีครบถ้วนทุกองค์ประกอบที่จะทำให้ต่างชาติหลงรัก กำลังกลายเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ชูแนวคิดวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ยกระดับสู่เวทีโลก ตั้งเป้าส่งออกอัญมณีให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ (SPLASH – Soft Power Forum 2025) ณ เวทีกลาง Exhibition Hall 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนเข้าร่วม โดยนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่มีโอกาสได้มางานนี้อีกครั้ง ซึ่งปีที่แล้วเป็นปีที่แรก และปีนี้งานยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีคนให้ความสนใจจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจ ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมีสิ่งที่เราคาดการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นมากมายทั้งในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจและอีกหลายปัจจัยทั่วโลก ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆที่เข้ามาทำให้เราต้องมีการปรับตัวที่เพิ่มมากขึ้น ตนเชื่อว่าการเข้าสู่บริบทของการเปลี่ยนแปลงนั้น การเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก […]