fbpx

นักวิชาการมอง “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนใหม่ เป็นงานหนัก

กทม. 17 ส.ค. – นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มอง “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนใหม่ เป็นงานหนัก มี “ทักษิณ” เป็นกุนซือ ถือเป็นทั้งจุดอ่อน-จุดแข็ง ชี้ต้องมีทีมยุทธศาสตร์ที่มีประสบการณ์มาช่วยงาน ห่วงการสร้างเงื่อนไขปูกลับไปสู่การทำรัฐประหารอีก


นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ว่า เป็นการมาตามกติกา แต่ก็ถือเป็นไฟลต์บังคับ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งจุดอ่อน คือ อายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่จุดแข็งคือ อยู่ในพรรคที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ และการมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นพ่อ ก็ถือเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง การให้คำแนะนำ ก็ปฏิเสธไม่ได้ในฐานะพ่อ-ลูกและอดีตนายกฯ ที่ควรรับฟัง แต่มองว่า นายทักษิณต้องไม่ฉายรัศมีทับนางสาวแพทองธาร โดยต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง

นางสิริพรรณ มองว่า จุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้ามาทำงาน คือต้องมีคำขอโทษ หรือคำอธิบายในการที่ไม่สามารถรักษาสัญญาในการหาเสียงได้ ที่จับมือกับพรรคการเมืองที่ทำรัฐประหาร ขณะที่การทำงานในแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่นโยบายยังไม่เป็นรูปธรรมในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จึงต้องมีทีมยุทธศาสตร์ มาดูแลเฉพาะแต่ละเรื่อง และต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์มาแสดงฝีมือ ทำผลงานให้เกิดความชัดเจน รวมถึงการสื่อสารต้องตรงไปตรงมาและจริงใจ กับสังคมและประชาชน เช่น เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จะไปต่อหรือไม่ หรือจะตัดสินใจอย่างไร ต้องรวดเร็ว หากไม่เดินหน้าต่อก็ต้องมีนโยบายมาทดแทนก็ต้องเร่งด่วน


ทั้งนี้มองว่า การได้นางสาวแพทองธาร มาเป็นนายกฯ ก็ทำให้การเมืองกลับมาสู่จุดเดิม แต่ในบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม ส่วนนางสาวแพทองธาร จะรับมือไหวหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่หนักแน่นอนเพราะเป็นงานใหม่ ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน

“แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว และเป็นคนที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนก็เลือกมาโดยอ้อม ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค จริงๆ ก็ตรงกว่าคุณเศรษฐาหรือคุณชัยเกษมด้วยซ้ำ ก็ถือว่าเขาได้เลือกทางนี้ การแบกภาระทั้งหลายก็เป็นหน้าที่ เราก็คงได้แต่เฝ้ามอง และถ้าไม่ไหว ก็คงยุบสภาเองเพราะเป็นอำนาจที่อยู่ในมืออยู่แล้ว แต่ที่ไม่อยากเห็นเลยก็คือ การแช่ง หรือหาช่องทางปูไปสู่การรัฐประหารในอนาคต นี่คือสิ่งที่ไม่อยากเห็น พอคุณแพทองธารเข้ามาในเงื่อนไขใหม่ สิ่งที่เราต้องระวังที่สุดคือการไม่ไปสร้างเงื่อนไขเดิมที่จะย้อนกลับไป อันนี้คือสิ่งที่ต้องระวัง“ นางสิริพรรณ กล่าว.-315-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ภูเก็ตฝนตกต่อเนื่อง เกิดดินสไลด์จากเขานาคเกิด

สถานการณ์น้ำท่วม จ.สตูล เพิ่มความรุนแรง เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วน จ.ภูเก็ต ฝนตกต่อเนื่องทั้งวัน ส่งผลบริเวณปฎักซอย 8 บ้านกะตะ ต.กะรน ที่เคยเกิดดินสไลด์จากเขานาคเกิด ปรากฏภาพน้ำและดินโคลนไหลลงมาจากบนเขา สร้างความกังวลให้กับชาวบ้าน เพราะยังไม่มีมาตรการป้องกัน

ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยชาวเชียงราย

สถานการณ์น้ำท่วม อ.เมืองเชียงราย ดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่ปัญหาที่ชาวเชียงรายต้องเผชิญคือดินโคลนที่ยังต้องรอการฟื้นฟู หลายคนยังทำใจไม่ได้ แต่ฮึดสู้จากธารน้ำใจของพี่น้องชาวไทยที่ส่งไปช่วยเหลือและให้กำลังใจสู้วิกฤติครั้งนี้

ชายแดนเสียหายหนัก “แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก” ยังจมโคลน

น้ำท่วมชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาเกือบสัปดาห์ลดลงเกือบหมดแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายอย่างหนัก ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา เต็มไปด้วยโคลนมหาศาลท่วมอาคารบ้านเรือน ทำให้หลายคนยังกลับเข้าไปอาศัยในบ้านไม่ได้

เร่งสูบน้ำบรรเทาน้ำท่วมตัวเมืองหนองคาย

หลังแม่น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าสู่วันที่ 5 วันนี้ระดับน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนต่ำกว่าแนวพนังกั้นน้ำถาวรแล้ว ทำให้สามารถสูบน้ำได้อย่างเต็มที่ คาดว่าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) จะเห็นน้ำในตัวเมืองหนองคาย ลดระดับลงอย่างชัดเจน