สภาฯ ผ่านงบฯ เพิ่มเติม 67 โปะดิจิทัลวอลเล็ต 1.22 แสนล้าน

รัฐสภา 31 ก.ค.-สภาฯ เห็นชอบผ่านงบฯ เพิ่มเติม 67 โปะดิจิทัลวอลเล็ต 1.22 แสนล้าน ส่งวุฒิสภาพิจารณาต่อ ฝ่ายค้านย้ำขัด รธน.-กม.วินัยการคลัง ไม่คุ้มค่า ด้าน “จุลพันธ์” โต้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย คุ้มค่าเดินหน้าโครงการต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม วงเงิน 122,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมงบกลาง จำนวน 6 มาตรา ภายหลังกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ โดยไม่ได้มีการปรับแก้ใด ๆ และมีมติเสียงข้างมาก 291 เสียง ต่อ 161 เสียง ให้ความเห็นชอบ


นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ย้ำว่า รัฐบาล มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อันเป็นกรณีที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นงบประมาณจากภาษี และรายได้อื่น จำนวน 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 112,000 ล้านบาท พร้อมย้ำว่า การตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของประเทศ

สำหรับการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายนพณัฐ มีรักษา กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย เห็นว่า ร่างงบประมาณฉบับนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้เงินภายใน 30 กันยายน ที่จะต้องออกงบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้ เพราะการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แล้วถือเป็นการก่อหนี้ของรัฐบาลนั้น ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน และไม่สามารถกำหนดสัญญาก่อหนี้ได้ ดังนั้น จึงสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า การแจกเงินดิจิทัลฯ เป็นการสัญญาให้ของรัฐบาล โดยที่ประชาชน ไม่ต้องตอบแทนใด ๆ กลับมายังรัฐบาล แม้จะมีการเปิดลงทะเบียน แต่ยังไม่มีการส่งมอบเงิน ก็ต้องถือว่า สัญญาไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถฟ้องร้องใด ๆ ได้


ด้าน นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ได้เสนอตัดลดงบประมาณลง เนื่องจาก กังวลว่า งบประมาณ ที่จะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ จะยิ่งทำให้ธุรกิจค้าปลีกกระจุกตัวอยู่เพียงรายเดียว อาจส่งผลเสียงต่อเศรษฐกิจของประเทศ กลายเป็นพายุที่พรากการแข่งขันของธุรกิจรายย่อยออกไปอีก จึงขอให้รัฐบาล ได้พิจารณาประเมินผล ตั้งแต่ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังดำเนินการด้วย

ขณะที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอปรับลดงบประมาณเพิ่มเติม เหลือเพียง 10,000 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณเท่าที่รัฐบาล จะหารายได้อื่นมาเพิ่มได้ เนื่องจาก รัฐบาลไม่ควรมีการกู้เงินเพิ่มอีกแล้ว ซึ่งแม้จะยังอยู่ในกรอบวินัยการเงิน แต่ก็อยู่ปริ่มเพดานแล้ว ขาดการประมาณการรายได้ที่จะถึงเป้า และแม้รัฐบาล จะยังกู้ได้ ก็จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของประชาชน ไม่ได้นับเป็นหนี้ และสัดส่วนรายงานลงทุน ก็จะต้องเป็นไปกฎหมาย รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการ เพราะจากเดิมที่มีการประเมิน GDP จะสามารถโตได้ 1.2-1.8% แต่เมื่อแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยน จึงเหลือเพียง 0.9% จึงสะท้อนว่า โครงการนี้ ไม่ได้มีการประเมินความคุ้มค่าไว้ล่วงหน้า

ด้าน นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอตัดลดงบประมาณจาก 122,000 ล้านบาท เหลือเพียง 1 บาท


ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันความจำเป็น ที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำในระดับภูมิภาค จึงต้องมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องเป็นไปตามวินัยการเงินการคลังที่กำกับไว้ ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และจะไม่ให้เกิดวิกฤตใด ๆ ตามมาจากการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยตั้งเป้าว่า จะสามารถทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจ จะสามารถเติบโตได้ 4-5% ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น หนี้ครัวเรือน

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการกำหนดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ 2567 จะทันต่อการใช้จ่ายในไตมาสที่ 4 ของปี 2567 หรือเป็นการเริ่มปีงบประมาณ 2568 แล้วนั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า การดำเนินการโครงการของรัฐ และให้ประชาชนลงทะเบียน ถือเป็นงบผูกพัน หรือข้อผูกพันที่รัฐบาลต้องจ่าย ตามกฎหมายที่ว่าด้วยหนี้ภาครัฐ เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิรับเงิน 10,000 บาท เมื่อรัฐอนุมัติ ก็ถือเป็นนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ

นายจุลพันธ์ ยังย้ำด้วยว่า การดำเนินการของรัฐบาล เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย มีหน่วยงานภาครัฐมาชี้แจงอย่างครบถ้วน รัฐบาลจึงมั่นใจ นำเสนอร่างงบประมาณฉบับนี้ เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมชี้แจงความคุ้มค่าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า นอกจากจะเกิดความเจริญเติบโตทางเศรฐกิจแล้ว ยังมีผลประโยชน์ที่ประชาชนเกือบ 50 ล้านคน จะได้รับเงินไปต่อยอดชีวิต และเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการพัฒนาตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล และ E-government ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จึงคุ้มค่าที่จะเดินหน้าโครงการต่อ

ทั้งนี้ ภายหลังที่ประชุลงมติให้ความเห็นชอบแล้ว นายจุลพันธ์ ได้ขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันว่า งบประมาณที่รัฐบาล ได้รับอนุมัติให้นำไปใช้จ่ายในครั้งนี้ จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และแผนงาน และจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว ให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ด เงินหมุนเวียนในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ รวมถึงสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของภาคประชาชน และภาคธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนต่อไป โดยรัฐบาล มีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน และภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภค และการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินงบประมาณมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนภายหลังสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้ส่งร่างงบประมาณฯ ให้วุฒิสภาชุดใหม่ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]