กทม.เผยผลสอบพบ 25 จนท.ส่อทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง

กทม. 30 ก.ค. – ศูนย์ต่อต้านทุจริต กทม.เผยผลสอบสวน พบเจ้าหน้าที่ กทม.ที่เกี่ยวข้อง 25 คน ใน 7 โครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย พบจัดซื้อแพงเกินจริง – ปรับรายละเอียดสเปคให้สูงขึ้น จ่อตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงสอบใน 120 วัน


นายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.), นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร และนางสาวเต็มศิริ เนตรทัศน์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) ร่วมแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบ เรื่องทุจริตของกรุงเทพมหานครซึ่งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังสำหรับศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการของกรุงเทพมหานคี จำนวน7 โครงการ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามกรอบระยะเวลา 30 วัน โดยไม่มีการขยายระยะเวลา และได้เสนอรายงานการสืบสวนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

นายณัฐพงศ์พงศ์ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทั้งพยานบุคคลและเอกสารพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริงโดยราคาจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่เคยจัดซื้อในปีก่อนๆ และสูงกว่าราคาต้นทุนรวมค่าดำเนินการเป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียด TOR พบว่ามีข้อกำหนดที่ไม่เปิดกว้างให้มีการเข้าเสนอราคาได้อย่างเท่าเทียม เช่น การกำหนดจำนวนสัญญากับภาครัฐในระยะเวลาจำนวนปี และยังมีการกำหนดคุณสมบัติของเครื่องออกกำลังกายที่เกินความจำเป็น นอกจากนี้จากการสืบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับการทำโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกาย การพิจารณางบงบประมาณการดำเนินการจัดซื้อจำนวน 25 ราย โดยหลังจากนี้จะมีการสอบสวนในเชิงลึกต่อไป


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปลัดกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีชื่อเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อทั้ง 7 โครงการ ไปปฎิบัติหน้าที่ประจำสำนักปลัดกรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 25 ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย ได้ลาออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งกลุ่มที่พบกระทำผิด เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในหน้าที่จัดทำโครงการ พิจารณางบ และจัดซื้อจัดจ้าง
ส่วนเอกชนที่เข้ามาเสนองานนั้น การเอาผิดอยู่นอกอำนาจของ กทม. แต่หากมีความผิดก็จะสามารถเอาผิดทางอาญาได้ หากพบว่าทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว

ด้านนางสาวเต็มศิริ เปิเผยว่าขั้นตอนต่อไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาผลการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และคณะกรรมการจะดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งเป็นขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด และจะพิจารณาลงโทษต่อไป ส่วนการดำเนินการทางอาญา หลังพบมีประเด็นข้อบกพร่องมีมูลส่อทุจริตจริง ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ก็จะส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป

ส่วนกรณีจากการสืบสวนพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริงถือว่ากรุงเทพมหานครได้รับความเสียหายก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพื่อพิจารณาให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อไปด้วย


ขณะที่นายเอกวรัญญู เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของศูนย์ต่อต้านการทุจริตของ กทม.ฯ ที่มีการตั้งขึ้นเมื่อ ปี 65 จนถึงปัจจุบัน มีการดำเนินงานเอาผิดผู้กระทำผิดไปแล้ว 29 ราย เป็นความผิดฐานการทุจริตโดยตรง 12 ราย ความผิดร้ายแรงอื่นๆ 17 ราย มีตั้งแต่ ระดับอำนวยการ ระดับหัวหน้าฝ่าย ความผิดเรียกรับสินบน 6 ราย ความผิดจากจัดซื้อทุจริต 3 ราย เป็นต้น

โฆษก กทม. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำให้ดำเนินการเรื่องทุจริตอย่างจริงจัง และเมื่อปรากฏความผิดขึ้น กระบวนการสืบสวนหลังส่งเรื่องให้ ศตท.กทม. ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ให้เวลาไม่เกิน 30 วัน ต้องตรวจสอบให้เสร็จ และระหว่างนั้น ให้รายงานผลทุกๆ 7 วัน หมายถึงว่า กทม.เอาจริงเอาจัง แต่ต้องรอบคอบ และต้องมีผลสรุปออกมาให้ได้โดยเร็วไม่ยื้อเวลา. -417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน

เติมน้ำมันไม่จ่าย

แท็กซี่เติมน้ำมันไม่จ่าย ซิ่งหนีพุ่งชนรถ 5 คันรวด

ตำรวจชัยภูมิ ไล่ล่าแท็กซี่เติมน้ำมัน แล้วซิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน แถมยังขับพุ่งชนรถตำรวจ รถเก๋งและรถ 6 ล้อ รวม 5 คันรวด