กทม.เผยผลสอบพบ 25 จนท.ส่อทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง

กทม. 30 ก.ค. – ศูนย์ต่อต้านทุจริต กทม.เผยผลสอบสวน พบเจ้าหน้าที่ กทม.ที่เกี่ยวข้อง 25 คน ใน 7 โครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย พบจัดซื้อแพงเกินจริง – ปรับรายละเอียดสเปคให้สูงขึ้น จ่อตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงสอบใน 120 วัน


นายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.), นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร และนางสาวเต็มศิริ เนตรทัศน์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) ร่วมแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบ เรื่องทุจริตของกรุงเทพมหานครซึ่งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังสำหรับศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการของกรุงเทพมหานคี จำนวน7 โครงการ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามกรอบระยะเวลา 30 วัน โดยไม่มีการขยายระยะเวลา และได้เสนอรายงานการสืบสวนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

นายณัฐพงศ์พงศ์ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทั้งพยานบุคคลและเอกสารพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริงโดยราคาจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่เคยจัดซื้อในปีก่อนๆ และสูงกว่าราคาต้นทุนรวมค่าดำเนินการเป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียด TOR พบว่ามีข้อกำหนดที่ไม่เปิดกว้างให้มีการเข้าเสนอราคาได้อย่างเท่าเทียม เช่น การกำหนดจำนวนสัญญากับภาครัฐในระยะเวลาจำนวนปี และยังมีการกำหนดคุณสมบัติของเครื่องออกกำลังกายที่เกินความจำเป็น นอกจากนี้จากการสืบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับการทำโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกาย การพิจารณางบงบประมาณการดำเนินการจัดซื้อจำนวน 25 ราย โดยหลังจากนี้จะมีการสอบสวนในเชิงลึกต่อไป


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปลัดกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีชื่อเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อทั้ง 7 โครงการ ไปปฎิบัติหน้าที่ประจำสำนักปลัดกรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 25 ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย ได้ลาออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งกลุ่มที่พบกระทำผิด เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในหน้าที่จัดทำโครงการ พิจารณางบ และจัดซื้อจัดจ้าง
ส่วนเอกชนที่เข้ามาเสนองานนั้น การเอาผิดอยู่นอกอำนาจของ กทม. แต่หากมีความผิดก็จะสามารถเอาผิดทางอาญาได้ หากพบว่าทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว

ด้านนางสาวเต็มศิริ เปิเผยว่าขั้นตอนต่อไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาผลการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และคณะกรรมการจะดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งเป็นขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด และจะพิจารณาลงโทษต่อไป ส่วนการดำเนินการทางอาญา หลังพบมีประเด็นข้อบกพร่องมีมูลส่อทุจริตจริง ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ก็จะส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป

ส่วนกรณีจากการสืบสวนพบว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริงถือว่ากรุงเทพมหานครได้รับความเสียหายก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพื่อพิจารณาให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อไปด้วย


ขณะที่นายเอกวรัญญู เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของศูนย์ต่อต้านการทุจริตของ กทม.ฯ ที่มีการตั้งขึ้นเมื่อ ปี 65 จนถึงปัจจุบัน มีการดำเนินงานเอาผิดผู้กระทำผิดไปแล้ว 29 ราย เป็นความผิดฐานการทุจริตโดยตรง 12 ราย ความผิดร้ายแรงอื่นๆ 17 ราย มีตั้งแต่ ระดับอำนวยการ ระดับหัวหน้าฝ่าย ความผิดเรียกรับสินบน 6 ราย ความผิดจากจัดซื้อทุจริต 3 ราย เป็นต้น

โฆษก กทม. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำให้ดำเนินการเรื่องทุจริตอย่างจริงจัง และเมื่อปรากฏความผิดขึ้น กระบวนการสืบสวนหลังส่งเรื่องให้ ศตท.กทม. ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ให้เวลาไม่เกิน 30 วัน ต้องตรวจสอบให้เสร็จ และระหว่างนั้น ให้รายงานผลทุกๆ 7 วัน หมายถึงว่า กทม.เอาจริงเอาจัง แต่ต้องรอบคอบ และต้องมีผลสรุปออกมาให้ได้โดยเร็วไม่ยื้อเวลา. -417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์แฉเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง 500 ม.

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์ระบุเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ด้านเจ้าของสถานที่ยืนยันไม่เคยปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นบ่อน การมีคนโพสต์ทำนองนี้ทำให้ได้รับความเสียหาย หลังจากหลายเพจโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดบ่อนพนันห่างจาก สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (13 ก.ย.) ตอนที่เห็นหลายๆ เพจโพสต์ ขณะนั้นอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจพิเศษ พอรับทราบได้แจ้งตำรวจสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ผลการตรวจสอบรอบแรกปรากฏว่าเป็นจุดเดิมที่เคยมีการตรวจสอบและจับกุม ลักษณะเป็นห้องเล็กๆ และไม่พบว่ามีการใช้พื้นที่ดังกล่าว จึงตรวจสอบใหม่อีกรอบในเวลาเที่ยงคืน พบว่าห้องยังคงอยู่ในลักษณะเดิม ไม่พบการลักลอบเล่นหรือมีการใช้ห้อง โดยเรื่องการกระทำผิดโดยเฉพาะเรื่องบ่อน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยสั่งการให้ทุก สน. กวดขันเข้มงวดในเรื่องนี้ และทาง สน.ห้วยขวาง มีการกวดขันมาโดยตลอด หลังจากนี้ถ้าประชาชนมีเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ และตำรวจจะลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นระยะ ด้านเจ้าของสถานที่ ระบุว่า ห้องดังกล่าวเดิมเคยเป็นที่เก็บของของร้านเหล้าที่อยู่ด้านหน้า เช่าไว้เก็บโต๊ะ เก้าอี้ สตอกเบียร์ โดยเช่าพื้นที่ของตนตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่งยกเลิกเช่าเมื่อ […]

หนุ่มถูกจับได้แอบถ่ายใต้กระโปรง โดดห้างหนี เสียชีวิตแล้ว

นนทบุรี 13 ก.ย. – หนุ่มวัย 21 ที่กระโดดห้างดังย่านบางใหญ่ หลังถูกจับได้ว่าแอบถ่ายใต้กระโปรงสาว เสียชีวิตแล้ว ด้านแม่บอกลูกชายโทรหา ยอมรับถ่ายจริง แต่ถูกคนข่มขู่แบล็กเมล บังคับให้ทำ จากกรณี นายปุณณภพ อายุ 21 ปี กระโดดจากชั้น 4 ศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลบริเวณศีรษะด้านหลังขนาดใหญ่ ข้อเท้าด้านขวาหักผิดรูป โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์การค้าฯ และแพทย์ที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าฯ พยายามช่วยกันทำ CPR ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดมีรายงานว่า นายปุณณภพ เสียชีวิตแล้ว ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายฟ่าง อายุ 29 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนกับกลุ่มเพื่อนเดินเล่นอยู่ในห้างดังกล่าว สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุ มีพฤติกรรมแปลกๆ ถือ iPad คว่ำหน้า และแหงนกล้องขึ้นด้านบน อยู่หลังเด็กนักเรียนหญิงที่สวมใส่ชุดนักเรียนขณะกำลังขึ้นบันไดเลื่อน ตนและเพื่อนจึงได้มีการเดินตามเพื่อเข้าไปสอบถาม ผู้ก่อเหตุพยายามเดินหนี ระหว่างนั้นมีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ. กระทั่งขึ้นไปอยู่ด้านบนชั้น 4 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย