เชียงราย 14 ก.ค – นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่แม่จัน สวมเสื้อชนเผ่าอิ้วเมี่ยนที่ชาวบ้านมอบให้ พร้อมรับฟังปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ คาดร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ จบเดือนนี้ ใช้เวลาพิสูจน์สัญชาติจาก 180 วัน เหลือ 5 วัน ลั่น จนท.รัฐต้องดูแลเท่าเทียมเสมอภาค
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ และ น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย ลงพื้นที่บ้านโป่งป่าแขม อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยทันทีที่มาถึง ตัวแทนชนเผ่าได้มอบเสื้อชนเผ่าอิ้วเมี่ยน หรือ เย้า ให้กับนายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้สวมเสื้อดังกล่าวทันที จากนั้นผู้นำชุมชนได้ต้อนรับตามประเพณีของชนเผ่า พร้อมเชิญนายกฯ และคณะ เข้าบ้านเพื่อจิบชาต้อนรับตามประเพณี ซึ่งอาหารที่ต้อนรับประกอบด้วยข้าวปุกงา หรือโมจิดอย ซึ่งถือเป็นขนมจากสวรรค์ โดยผู้นำชุมชนหรือพ่อหลวง กล่าวว่า เป็นเกียรติ ซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่มา 70 ปี เพิ่งมีผู้นำมาเยี่ยมถึงหมู่บ้าน และขออวยพรให้เป็นนายกฯ ไปนานๆ อยู่กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ไปนานๆ และขอให้เดินทางปลอดภัย มีสวัสดิภาพ ขณะที่นายกฯ ระบุว่า เป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับ โดยบอกว่ามาในฐานะคนไทย ไม่ได้มาในฐานะนายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้พร้อมรับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข
จากนั้น นายกฯ ได้พบปะแลกเปลี่ยนปัญหาในพื้นที่ โดยผู้นำชุมชนได้สะท้อนถึงปัญหาว่า ชนเผ่าชาติพันธุ์ในพื้นที่ 77,729 ราย มี 19,432 ราย ไม่มีสัญชาติ ทำให้ถูกจำกัดสิทธิ ขณะที่เรื่องของสาธารณูปโภค พบว่าบางหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนระบบสาธารณสุข ในส่วนของโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง อยากให้มีการเพิ่มบุคลากร เพราะไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชน
ด้านนายเศรษฐา กล่าวกับชาวบ้านว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือน ซึ่งได้การต้อนรับที่อบอุ่น ได้เข้าบ้านของผู้นำชุมชน ประเพณีไทยถือว่าการต้อนรับให้เข้ามาอยู่ในบ้าน ถือเป็นเกียรติสูงสุด และถือว่าเราเป็นพวกเดียวกัน สำหรับปัญหาหลักเรื่องความไม่เสมอภาคเท่าเทียมที่พี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลอย่างไม่ทั่วถึงมาโดยตลอด แต่ภายใต้การผลักดันของ สส.ปิยะรัฐชย์ ที่มีความมุ่งมั่นในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ชาติพันธุ์ ที่ให้ความสำคัญเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานเรื่องของสัญชาติ เพราะหากได้สัญชาติแล้วก็จะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข การศึกษา และเรื่องต่างๆ ซึ่งรัฐบาลสัญญาว่าจะให้การพิสูจน์ทราบสัญชาติให้จบภายใน 5 วัน ไม่ใช่ 180 วัน แต่ขอเวลาอีกสักระยะ และคาดว่าจะพิจารณาจบได้ภายในเดือน ก.ค.นี้
“น่าเศร้าใจเรื่องพี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลโดยเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และไม่เท่าเทียมกับพี่น้องชาวไทยส่วนอื่นๆ ซึ่ง สส.ทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อ และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ต้องยึดถือเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม ดังนั้น ตนขอพูดไว้เลยว่า การดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ต้องได้รับความเสมอภาคเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสาธารณสุขเองก็ต้องดูแลอย่างเสมอภาค” นายเศรษฐา กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนโรงพยาบาลที่ไม่เพียงพอ แน่นอนว่าทุกที่ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคใต้ หรืออีสาน โรงพยาบาลก็ไม่พออยู่แล้ว รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณดูแลให้ทั่วถึง ส่วนเรื่องของไฟฟ้า สามารถยืนยันได้เลยว่าจะจัดการให้ เพราะถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนพึงได้รับ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเกษตรเป็นเรื่องปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ทั้งจากการบริโภคและการค้าขาย วันนี้มีหน่วยงานราชการมาเยอะ ก็ขอฝากให้ดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกับพี่น้องคนไทยทุกคน ขอย้ำว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และคิดว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้มา หวังว่าในระยะเวลาอันสมควรจะได้กลับมาอีก เพื่อมาดูความก้าวหน้า แต่ตอนนี้ให้พี่น้องข้าราชการปฏิบัติงานกันไปก่อน และหวังว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนที่เคยมา
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ รับฟังปัญหาในพื้นที่อำเภอแม่จัน และพบปะประชาชน ณ บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมเน้นย้ำให้ดูแลกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเท่าเทียม.-312-สำนักข่าวไทย