“ศิริกัญญา” ถามนายกฯ เกิดอะไรขึ้นกับ “เงินดิจิทัล”

รัฐสภา 11 ก.ค- “ศิริกัญญา” ขอบคุณนายกฯ เห็นคุณค่าสภาฯ แจงกระทู้ถามสดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถามเกิดอะไรขึ้นกับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เปลี่ยนไปมาจนประชาชนงง ด้านนายกฯ ร่ายยาวเปลี่ยนเกณฑ์เงินหมื่น เพื่อตอบโจทย์ชาวบ้าน ยันรัฐบาล “วิ่งเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า ต่อสู้แรงค้านที่ไร้อนาคต”


นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของรัฐบาล โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่เห็นคุณค่าของสภา ยึดถือหลักการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติและเคารพหลักการว่าสภาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และได้ตอบรับการตอบกระทู้ในเวลา 07.30 น. ของวันนี้ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯ จะมาตอบกระทู้ของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหวังว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มาตอบเป็นครั้งสุดท้าย และขอให้สัปดาห์หน้า นายกรัฐมนตรีเคลียร์ตารางงานเพื่อเข้ามาตอบกระทู้

ทั้งนี้ นางสาวศิริกัญญา ได้ตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีประชาชนสอบถามจำนวนมากว่า เกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้ เนื่องจากมีการปรับแก้เงื่อนไขต่างๆ เช่น เปลี่ยนไม่ให้ซื้อมือถือได้แล้ว รวมถึงมีประชาชนกังวลว่า ได้ปรับเป้าหมาย 45 ล้านคน ลดลงจาก 50 ล้านคน และที่ระบุว่าจะไม่กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จึงอยากตั้งคำถามว่า ตอนนี้งบประมาณไม่เพียงพอแล้วหรือไม่ จึงหางบประมาณได้เพียง 4.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ หากมีคนมาลงทะเบียนเต็มจำนวน 50 ล้านคน จะได้เงินเต็มจำนวนหรือไม่ รวมถึงอยากทราบว่าจะใช้งบกลางของปี 2567 หรือไม่


นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตนให้ความสำคัญกับสภานิติบัญญัติ และไม่ได้จะหลีกเลี่ยง แต่มีภารกิจแน่น และได้พยายามจะเลื่อนประชุม เพื่อตอบสนองความต้องการของ สส. ที่เห็นว่าน้อยใจจะไม่ถาม ตนพยายามที่จะมาตอบให้ได้ และแน่นอนว่าจะไม่ใช่การมาตอบครั้งสุดท้าย จะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการแถลงในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ โดยมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งรัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ส่วนจะนำเงินไปซื้ออะไรได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ก่อนโครงการจะสำเร็จเป็นรูปธรรมก็ได้ฟังความเห็นของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ผู้ประกอบการ และฝ่ายค้าน ว่าอะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม จึงได้มีการพูดคุยกันตลอด เพื่อปรับปรุงให้โดนใจประชาชนและถูกจุดประสงค์ของโครงการนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนเรื่องของงบประมาณต่างๆ งบกลางกันไว้ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่มีการปรับลดงบประมาณจาก 4.5 แสนล้านบาท ลงมาจากงบ 5 แสนล้านบาท เราดูจากสถิติเก่า จากรัฐบาลที่ผ่านมา ว่ามีการแจกเงิน และได้มีการวิเคราะห์ว่าจะมีคนไม่มาใช้สิทธิกี่คน แต่รัฐบาลก็ได้เตรียมไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งมั่นใจว่าจะใช้งบโดยพินิจพิเคราะห์อย่างดี เป็นไปตามกฏหมาย ซื่อสัตย์สุจริต และเป็นไปตามกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้อง


”เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของเรา เหตุผลที่ต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน และจำกัดพื้นที่ในการใช้ เพราะไม่ต้องการให้จำกัดความเจริญอยู่ที่หัวเมืองหลักเพียงอย่างเดียว การที่ประชาชนมีบัตรประชาชนอยู่ในอำเภอไหนก็ให้ใช้ในอำเภอนั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ ไม่ว่าจะเป็นหนองบัวลำภู บึงกาฬ มหาสารคาม ที่มีจีดีพีต่ำ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคเป็นไปตามความต้องการของทุกคน มั่นใจว่าวันที่ 24 กรกฎาคม จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของงบประมาณและประเภทสินค้าที่จะออกมา“ นายเศรษฐา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า การที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องใช้งบกลาง 43,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ปริศนาทุกอย่างกระจ่างขึ้น เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเริ่มบริหารราชการแผ่นดินจนถึงตอนนี้กว่า 10 เดือน เราก็มีข้อสังเกตว่า งบกลางปี 67 แทบจะไม่ได้อนุมัติเลย ซึ่งจริงๆ แล้วมีปัญหาเร่งด่วนคือ ค่าครองชีพประชาชน ราคาของแพงขึ้น รวมถึงค่าไฟยังแพง แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน และจำเป็นจะต้องถามเรื่องงบ 67 เพราะที่ผ่านมาสภาได้อนุมัติงบไป 99,000 ล้านบาท ก่อนอนุมัติงบก็มีการใช้งบประมาณไปพรางก่อน แต่มีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเพียง 14,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น

ทั้งนี้ มีการของบกลางไปช่วยพยุงราคาน้ำมัน 6,500 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่อนุมัติ ทั้งที่งบกลางก็ไม่ได้ใช้ หากไม่อยากอุดหนุนราคาน้ำมันด้วยกันลดภาษีสรรพสามิตเหมือนเดิม เลือกอุดหนุนเฉพาะกลุ่มก็ได้ อาจจะแจกเป็นคูปองลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มขนส่งหรือประชาชน แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพเลย

ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองอาจมีการออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำบ้าง แต่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้เดือดร้อน แก้ปัญหานายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจง โดยยืนยันว่า มีการใช้งบกลางในการดูแลเรื่องค่าน้ำมัน และค่าไฟ รวมถึงเรื่องการเกษตร ดูแลเรื่องเกิดน้ำท่วม น้ำแล้ง การสร้างถนน ดูแลสถานพยาบาลต่างๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจว่า 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยเติบโตอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่มีอินฟราสตรัคเจอร์ ส่งผลให้อัตราการเติบโตมีเพียง 3 % ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็น K shaped recovery คนที่รวยแล้วก็รวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็ค่อนข้างราบเรียบ ส่งออกก็ติดลบ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและพลังงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ฝ่ายค้านให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปิดตัวโรงงาน ทำให้เห็นได้ชัดว่า อุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวเข้ากับความต้องการของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราก็มีการปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนต้องเดินทางไปต่างประเทศ ต้องมีการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่องสงครามการค้า หรือภูมิรัฐศาสตร์เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร และเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่ก็ทำให้การส่งออกลดน้อยลง เราต้องเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อทำให้เขามีความมั่นใจมาลงทุนและซื้อสินค้าไทย

นอกจากนี้ การลงทุนก็ต่ำ ตนเคยแจ้งให้สภาทราบว่า ครั้งสุดท้ายที่เรามีโครงการใหญ่คือโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงการบริโภคในประเทศไทย ถ้าตัดภาคการท่องเที่ยวออกไปถือว่าไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควร การท่องเที่ยวตั้งแต่ที่เราเข้ามาก็เป็นการใช้นโยบายหลัก ไม่ได้ใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Growth Engine ที่ใช้พยุงเศรษฐกิจไปได้ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรี การเปิดนิทรรศการให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่แบบเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน เราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อ วันก่อนประเทศอินเดีย ก็มีการยกเว้นวีซ่าที่จะให้เขาเป็นการชั่วคราว เราก็จะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมอัตราการเติบโตก็ตกหมด ต่ำกว่า 60% แสดงว่าคนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะหากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ โรงงานต่างๆจะผลิตสินค้า มารองรับการซื้อของประชาชน ทำให้เกิดการจ้างงานเกิดขึ้น

อีกเรื่องหนึ่งเป็นปัญหายาเสพติด เราต้องยอมรับว่า เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามา แต่หากประชาชนของเรายังมอมเมา ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของตนหลายครั้งก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ที่ลงพื้นที่ไป นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดก็ยังเจอเยอะ

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการไป กอ.รมน. ที่หลายท่านอยากให้ยุบ แต่ตนยังเห็นศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ สามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม กันที่ดินทหารมาให้ประชาชนทำกิน ซึ่งในการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง

สำหรับหนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ก็มีการร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายกิติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานที่ปรึกษา ก็ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ให้หนี้นอกระบบหมดไป เพราะหากมีหนี้นอกระบบ ก็ไม่มีแรงทำงานและไปหวังพึ่งยาเสพติด

“เราแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนามมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ และบินไปเจรจาการค้าเพื่อจะให้มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม แต่เพิ่ง 10 เดือน ทุกท่านทราบดีว่าจะให้ลงทุนเป็นแสนล้าน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าเขาตัดสินใจลงทุนในประเทศ แต่ก็มีการพัฒนาขั้นตอนต่างๆไปในทางที่ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรื่องการเกษตรก็เป็นสิ่งสำคัญแม้จะไม่เป็นอุตสาหกรรมที่เซ็กซี่ แต่พี่น้องหลาย 10 ล้านคน ยังต้องพึ่งการเกษตรอยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ลงพื้นที่ไปทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การเปิดตลาดค้าขาย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปี นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความพร้อมในการผลักดันสินค้าฮาลาล

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเองก็อยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย พยายามไม่ทะเลาะกับใคร อยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคนและสามารถส่งผ่านสินค้าออกไปได้

จากนั้น นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามต่อ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามที่ตนเองถาม ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ไม่มีมาตรการช่วยพยุงค่าครองชีพ และไม่มีมาตรเกี่ยวกับโรงงานปิดกิจการและ SMS ล้ม ให้กับประชาชนในระยะสั้น เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรีตอบ วิเคราะห์ปัญหาถูกวินิจฉัยโรคถูก แต่ทางออกยังมืดแปดด้านและไม่เห็นเป็นรูปธรรม โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือรอนักลงทุนเข้ามาลงทุน ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรหากงบไม่พอที่จะเอาไปใช้ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ หรือรัฐบาลอาจสร้างแรงจูงใจให้กับท้องถิ่น เอาเงินสะสมของตนเองมาใช้เป็นเงินลงทุนขนาดเล็กในชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในต่างจังหวัด และเศรษฐกิจจะกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะเงินสะสมเหล่านี้มีอยู่จริงไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท หากรัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง ท้องถิ่นออกอีกครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตออกมา

พร้อมสอบถามกรณีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้อ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่นายกฯ เป็นต้นคิดและสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งมาตรการนี้มีผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ประชาชนที่ไม่มีบ้านได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นของต่างชาติและอาจจะต้องไปเช่าบ้านของต่างชาติด้วย แล้วสุดท้ายคนไทยได้อะไรจากมาตรการนี้ สัดส่วนที่เกิดผลต่อเศรษฐกิจคืออะไร

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเรายังทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ ใช้นโยบาย ใช้การมุ่งมั่น ใช้การประสานงานก็ได้ ส่วนมาตรการขยายเวลาเช่า 99 ปี มันเป็นการเชื่อมต่อกับหลายอย่าง เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศที่อยากให้เพิ่มเวลาเช่าทรัพย์อิงสิทธิ

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องการขายชาติ เป็นการให้ศึกษาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอฝากไว้ว่า ต่อไปต้องมาดูว่า ถ้าเกิดทำแล้วจะส่งผลระยะยาวให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงขึ้นหรือไม่ และยืนยันว่า ต้องมีการศึกษาและตั้งใจทำอย่างซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ ไม่ได้มีการกดดันใครทั้งสิ้น

“ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของผม จะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุกพรรคในรัฐบาลเราก็จะช่วยวิ่งสู้ต่อไป เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า จะต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า