“บิ๊กต่อ” ผงาดกลับ สตช. หวนนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.

ทำเนียบฯ 20 มิ.ย. – คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เสนอนายกฯ ให้ส่ง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ผบ.ตร. กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น ส่วนคำสั่งให้ออกจากราชการของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ต้องรอทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งกลับมาใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมา กระบวนการไม่ถูกต้อง


นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังคณะกรรมการที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน สรุปผลและส่งให้นายกรัฐมนตรี โดยมีการสอบพยานกว่า 50 คน ใน 4 เดือน

ผลการตรวจสอบพบมีความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดขึ้นทุกระดับ ทุกฝ่ายๆ ฟ้องร้องกัน และเรื่องเกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งสอง คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องก็มีการฟ้องร้องกันจนเป็นคดีใหญ่และคดีย่อยๆ อีกกว่า 10 คดี โดยเป็นเรื่องพนันออนไลน์ หนี้นอกระบบ ยาเสพติด และการซื้อขายตำแหน่ง


ในส่วนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คณะกรรมการสอบสวนฯ มีความเห็นให้ส่งกลับไปดำรงตำแหน่งหน้าที่เดิม คือ ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น ขณะนี้รอเพียงคำสั่งนายกรัฐมนตรี

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีคำสั่งให้กลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีหนึ่งมาตราเห็นว่าการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจะต้อง เป็นการเสนอแนะของคณะกรรมการสอบสวน แต่ในวันที่ 18 เมษายน มี 3 คำสั่ง และเมื่อได้หารือกฤษฎีกาแล้ว เห็นว่าการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ สถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะนี้คือรอนำความกราบบังคมทูล ซึ่งเรื่องการให้ออกจากราชการ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปดำเนินการเพื่อเสนอมาใหม่

นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนไม่ได้ชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่พบเห็นเรื่องความสับสนในเรื่องการตรวจสอบว่าอยู่ในอำนาจหน่วยงานใด คณะกรรมการจึงเสนอและให้กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเรื่องเขตอำนาจการสอบสวน และการพิจารณา ทั้งนี้คดีและคำร้องที่เกิดจากความขัดแย้งของทั้ง 2 คน จะยังคงดำเนินต่อไป ไม่ได้ยุติ ส่วนจะสอบใครเพิ่มเติม เป็นอำนาจของ ผบ.ตร.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว