14 มิ.ย. – ลูกเรืออ้าง “รอคำสั่ง เสธ.” ก่อนเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ล่องหนกลางทะเล พร้อมน้ำมันในเรือกว่า 300,000 ลิตร คาดว่าออกจากน่านน้ำไทยไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
คลิปเต็มมีความยาวประมาณ 2 นาทีครึ่ง ระบุว่าเป็นการสนทนาระหว่างแม่ค้าที่ขายของบริเวณต้นสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ กับหนึ่งในลูกเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่หายไป โดยแม่ค้าถามลูกเรือคนนี้ว่า ไหนบอกสิ้นเดือนจะกลับ? ลูกเรือตอบกลับว่า “เสธ.ไม่ให้กลับ” ให้อยู่จนคดีจบ คดีจะจบเมื่อไรก็ไม่รู้ ต้องไปรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ก่อนขึ้นศาล และเมื่อขึ้นศาลเสร็จ เรือบรรทุกน้ำมันจะถูกยึดเพื่อดูดน้ำมันออก และจะมีการนำเรือออกประมูล
ลูกเรือที่อยู่ในคลิปยังพูดตัดพ้อทำนองว่าถูกคนโกงเงินไป 2,000 บาท และยังบอกว่าตัวเองแค่ผ่านมาบนแผ่นดินไทย เดี๋ยวก็ไป จึงไม่อยากไปเอาเรื่องคนที่โกงเงินไป และเสธ.สั่งว่าเรื่องโกงเงินเป็นเรื่องเล็ก อย่าไปใส่ใจ ยังมีเรื่องที่ใหญ่รออยู่ ตัวเองจึงไม่ทำอะไรและเชื่อที่เสธ.สั่ง ซึ่งคลิปดังกล่าวมีการระบุว่าบันทึกไว้ก่อนที่เรือบรรทุกน้ำมันของกลาง 3 ลำ จะหายไป
ส่วนบรรยากาศบริเวณสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นไปตามปกติ ยังคงมีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่เหลือ 2 ลำ จอดทอดสมออยู่บริเวณสะพาน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ไม่มีชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางอยู่ที่บริเวณสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ แต่มีการไปตั้งกองบัญชาการในพื้นที่สัตหีบแทน
ในส่วนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานในวันนี้ (14 มิ.ย. 67) ได้ไล่กล้องวงจรปิดรถทั้งหมดที่มีการเข้าออกท่าเทียบเรือ โดยเฉพาะรถที่มีถังน้ำมันอยู่ด้านหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่กับการหายไปของเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 3 ลำที่หาย และเหตุใดจึงมีการบรรทุกถังน้ำไปในสะพาน
ทราบตัวลูกเรือที่หลบหนีแล้ว 16 ราย คาด 1-2 วันได้ตัวครบ คาดมุ่งหน้าเกาะกูดออกกัมพูชาไปแล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มีหลายหน่วยเข้าร่วมการประชุม และไปตรวจความคืบหน้าในการมอบหมายงานติดตามเรือที่หายไป ให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วเร็วที่สุด
ส่วนกองบังคับการปราบปรามที่เข้าไปดำเนินการกับลูกเรือ 3 ลำที่หลบหนีไป ตอนนี้ยืนยันมีคนลงเรือ 16 คน ได้ชื่อมาแล้ว 14 คน อีก 2 คน ได้ชื่อแล้วแต่ยังไม่ได้รูปหน้า ตอนนี้ชุดกองปราบกำลังไปลงพื้นที่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เรือทั้ง 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันจันทร์ ปอศ. จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบหนีมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. และคาดว่าจะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันอังคาร
ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงเช้า นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่ายังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้ง 3 ลำ จะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12-13 ชั่วโมง
“บิ๊กเต่า” ลั่นฟันไม่เลี้ยงผู้เกี่ยวข้องเรือน้ำมันเถื่อนหาย
ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า สัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้า โดยการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผู้ต้องหาถูกประกันตัวแล้ว ทำไมถึงสามารถกลับไปอยู่บนเรือของกลางได้อีก บิ๊พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เพราะบ้านของพวกเขาคือเรือ พอประกันตัวเสร็จก็กลับไปอยู่กินบนเรือ ยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่ง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ ซึ่งสั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่าเป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า ผบช.ก. ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง.-สำนักข่าวไทย